วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ที่สุดจริงของใจ

ที่สุด ที่สุดของใจ คืออะไร?

ที่สุดของชีวิตของการเกิดมาคือความตาย แล้วที่สุดจริงของใจจริง ๆ คืออะไร ใครเคยคิดถึงในจุดนี้บ้างไหม? หรือไม่เคยมองทั้งสองอย่างในตอนนี้? บางคนมองแต่ว่า จะทำอะไร จะมีอะไร ต้องดีต้องได้ยั่งงั้นจึงจะสุข จะดีกับตัวของตัวเราเอง มองแต่ชีวิตที่มันเป็นอยู่หรือจะอะไร ๆ ก็ตาม แต่คอยกลับมาดูในสิ่งนี้ไหมว่าที่สุดจริง ๆ คืออะไร? แล้วเราจะอยู่ยังไง จึงดีจริง จริงกับตัวของตัวเราเองจริง?

มองอะไรจงมองให้ถึงที่สุด

ที่สุดจริง ๆ คืออะไรจริง เราก็อยู่อย่างนั้นจริงจึงจะดีที่สุดจริง จริงของเราเองจริง

พี่มองของ ๆ พี่อย่างนี้ อะไรคือจริงในความจริง..จริง อะไรคือตัวเราจริง อะไรคือจริง จริงดีที่สุดจริง จริงของตัวเราเองจริง

หลายสิบปีแล้ว ประมาณปี 37 ตื่นมาประมาณตอนตีสองกว่า ๆ มีแสงสว่างกลางห้อง .มีเสียงบอกว่า "เริ่มต้นของจิตไม่มี สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือความว่างเปล่า สุขทั้งหมดมีอยู่ที่ใจของตนเพียงอย่างเดียว"

พอท่านพูดจบ ในใจเรากลับรู้สึกสงบเย็น ว่างไม่มีขอบเขต อืสระ เบิกบานเอง จิตมีกำลังแนบแน่นเป็นหนึ่งเอง มีใจสุขใจจริงเองจริง ในความรู้สึกจริงของใจ ตอนนั้นอยู่ ๆ มันเป็นเองอย่างนี้เอง นี่คือพระเมตตาของท่าน สงเคราะห์ให้พี่ได้รับรู้ว่า ที่สุดจริงของใจจริง ๆ เป็นยังไง

พอมีความรู้สึกอย่างนี้ ท่านกล่าวว่า "นี่คืออารมณ์ของพระอรหันต์" พอกล่าวเสร็จเสียงนี้ก็หายไป

ตอนนั้นยังขาดความเข้าใจจริงในความจริงของใจ ใจในความจริง..จริง และยังไม่เห็นชัดในสิ่งนี้ของใจจริง ๆ รู้สึกเพียงแต่ว่า ในภายในของใจเรารู้สึกสงบเย็น ๆ ใจอย่างนี้ ในใจเรารู้สึกสุขใจที่สุดจริงของใจเราเองจริง

แต่ตอนนั้นยังโง่มาก ติดตัวคิดติดตัวทำ ทำด้วยความอยาก อยากให้ถึงให้สำเร็จให้ดี แทนที่จะเอาแค่นี้ของใจอย่างเดียวจริง จริงในใจ ใจสงบเย็น ๆ ใจ ในสิ่งนี้จริงของใจจริงอย่างเดียวจริง กลับเอาในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไรในตอนนั้น และโง่มาร่วมยี่สิบปีต่อมา เพิ่งมาชัดใจจริง ๆ ในสิ่งนี้ของใจจริงเมื่อไม่นานมานี้เอง ใช่..ใจสงบเย็น ๆ ใจนี้ดีที่สุดจริง จริงของตัวเราจริง

ก็เหมือนเดิมนะ คุยเพลิน ๆ ใจ คุยเรื่องใจ ใจสุขใจ ใจสบาย ๆ ในใจกัน พี่คุยได้อย่างนี้ พอใจคุยแบบนี้ ใจสบายใจพี่ดี คุยจากใจ ใจสุขของใจจริง..พอ เรื่องแนวทางปฏิบัติท่านสอนไว้หมด ดีที่สุดแล้วจริง หาอ่านหาศึกษาในสิ่งนี้ไม่ยากในสมัยนี้ มีเยอะมาก ก็ครับ พี่ไม่มีปัญญาด้านนี้ มีปัญญาโง่ ๆ รู้แค่ใจ..ใจตัวเดียวจริง จริงในความรู้สึกจริงของใจ ใจอยู่ยังไงของใจจริง จึงสุขใจในใจจริง จริงของใจตัวเองจริง รู้แค่นี้เองจริง ๆ นอกนั้นไม่รู้อะไร รู้แค่สิ่งที่ดีที่สุดจริง จริงของใจตัวเราเองจริง..พอ ก็เลยคุยแบบนี้ของพี่ ก็อ่านเล่น ๆ เพลิน ๆ ใจ สบาย ๆ ในใจกันนะ

วันนี้ตื่นมา มีหัวข้อมาให้พี่คุยว่า #ที่สุดจริงของใจ ท่านบอกมาแค่นี้ ก็มีแค่หัวข้อมาอย่างนี้ทุกวัน พี่ก็คุยไปตามหัวข้อ ก็ไม่ออกนอกหัวข้อที่ท่านให้มา ทุกคนก็อ่านแล้วลองวางใจตาม ตามไปในความรู้สึกของใจกัน วางใจตามสบาย ๆ เพลินใจในใจดู ดีก็เอา

เราสบาย ๆ กันน้อ ชีวิตเกิดมามีร่างกาย ร่างกายนี้มันก็บีบคั้นเราทุกคนมากอยู่แล้ว มีทั้งเวทนาทางกาย มีทั้งเรื่องราวมากมายในชีวิตที่เข้ามากระทบ มาเกิดอยู่กับโลกที่มีแต่ความเร่าร้อน มาอยู่ในช่วงของจิตคนที่มีความเห็นแก่ตัวเองเห็นแก่ได้ ถือเงินเป็นใหญ่ ติดในวัตถุภายนอกมากเกินไป ผิดศีลผิดธรรมกันจนเป็นเรื่องปกติของชีวิตคนทั่วไป หาความจริงใจจากใจคนมีน้อยมากในเวลานี้ จิตคนบางกลุ่มเสื่อม มีแต่สร้างความฉิบหายในชาติก็มี เหมือนที่ผ่านมาที่เราเห็นกัน อ้างประชาธิปไตยเข้ามาโกงกินกัน มีเรื่องทะเลาะกัน สร้างความฉิบหายในบ้านเมือง หวังยึดครองประเทศ หวังล้มระบบกษัตริย์ ตรงกับที่หลวงพ่อเคยบอกไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ท่านบอกว่า ต่อไปเบื้องหน้าจะมีคนชั่วมารวมตัวกันหวังยึดครองประเทศ เปลี่ยนระบบการปกครอง แต่สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ ทหารปฏิวัติ คนเบื่อการเมือง มาวันนี้ดูแล้วก็จริงของท่าน แต่ที่พี่ดู เห็นความเร่าร้อนของจิตคน ยุคนี้น่ากลัว จิตคนเอาแต่เรื่องของเงินเป็นใหญ่ แม้ต่างประเทศที่เขาทำสงครามกัน ล้วนที่จริงก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้น มุ่งหวังเรื่องเงินทองกัน จิตคนสมัยนี้จึงน่ากลัว มากด้วยความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้กัน

คือมองแล้วหาอะไรเป็นสุขสงบในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จริง ๆ ไม่มี โลกไม่ได้วุ่นวาย แต่ที่วุ่นวายคือจิตของคนที่มีแต่ความละโมบโลภมาก สร้างความเร่าร้อนวุ่นวาย หาใจสงบเย็น ๆ ใจในจิตของคนจริง ๆ มีน้อยมาก ๆ ในยุคนี้

พี่ถึงบอกว่า ทุกข์ทางกายมันก็มากพอแล้ว มันบีบคั้นใจเรามากพอแล้ว ทั้งเวทนาทางกาย หิว ร้อน หนาว เจ็บไข้ไม่สบาย ปวดเมื่อยทางกาย ไหนก็ต้องภาระการงาน ต้องดิ้นรนทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงตัวเองไม่พอ ต้องดูแลรับผิดชีวิตของคนอื่นอีกก็มี กระทบกระทั่งกับคนมากมาย ไหนก็เรื่องกฏของกรรมตามมาให้ผลทั้งทางกายและทั้งทางใจ ไหนจะเป็นสภาพสังคมที่มันเป็นอย่างนี้อีก ที่มีแต่ความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้กัน

พี่คนหนึ่งล่ะ มองไม่เห็นว่าการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ อะไรมันคือสุขของเรา มองไม่เห็นจริง ๆ และที่มองเห็นอยู่อย่าง คือเห็นที่สุดของชีวิตของการมีร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเราเอง จะเป็นพี่เป็นน้อง เป็นใคร ๆ ก็ตาม หรือคนในโลกนี้ทั้งหมด เราเห็นอยู่อย่างว่า ที่สุดของชีวิตทุกคนในโลกนี้ทั้งหมดคือความตาย ไม่มีคนไหนเกิดมาแล้วไม่ตายไม่มี ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน รวยมากมายแค่ไหน จะเป็นคนดีคนชั่ว จะเป็นอะไร เป็นใครก็ตาม มีฐานะอะไร ๆ ก็ตาม ไม่มีคนไหนไม่ตายไม่มี คนเกิดมาเท่าไหร่ตายหมดเท่านั้น และทุกคนเกิดมาล้วนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน ทั้งกฏของกรรม ทั้งความตายล้วนไม่มีใครหนีสิ่งเหล่านี้พ้นได้จริง จะเก่งแค่ไหน จะรวยมากแค่ไหน จะอะไร ๆ ก็ตาม ก็หนีไม่พ้นในกฏของกรรมที่ตนทำมา ตามมาให้ผลทั้งทางกายและทั้งทางใจ

จะเก่งแค่ไหน จะรวยแค่ไหน ชีวิตจะเป็นยังไงก็ตาม จะดิ้นรนวุ่นวายอะไรมากมายกันแค่ไหน แก่งแย่งอะไร ๆ กันอย่างที่เขาเป็นอยู่กัน จะเป็นคนไทย คนชาติไหนก็ตาม สุดท้ายก็หนีสิ่งนี้ไม่ได้ ไม่มีใครหนีสิ่งนี้ได้ นั่นคือความตาย

ตายแล้วก็ไป ไปตามกรรมของแต่ละคน ต่างคนต่างสุดท้ายไม่ได้อะไรเลย ไม่มีอะไรเอาไปได้สักอย่าง หามาแทบตาย ดิ้นรนกันแทบตาย เหนื่อยมาทั้งชีวิต บางคนทะเลาะแก่งแย่งสมบัติกัน บางคนทะเลาะกันเรื่องเงิน เรื่องนั้นเรื่องนี้ สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงตรงความตายอย่างเดียวนี้จริง

ทุกอย่างจบแค่ตาย นี่คือที่สุดของชีวิตของการเกิดของคนทุกคน ทุกชีวิตในโลกนี้ทั้งหมดนี้จริง จบลงตรงความตายเหมือนกันหมดนี้จริง

ถ้ามองเรื่องทางกาย ทางโลก ทุกอย่างจบแค่ตาย พี่มองเห็นแค่นี้ของพี่ ทุกอย่างของมันจบแค่ตาย แล้วเรื่องของใจในใจ จบตรงไหนของใจเราเองจริง มีใครเคยกลับมา มาดูในสิ่งนี้จริงของใจตัวเองจริง ๆ กันไหม

นั่นสิ หายาก เท่าที่ดู

จุดจบจริงของใจ ใจในใจจริง จริงในความรู้สึกจริง จริงของใจจริง ๆ คืออะไร ไม่ค่อยเห็นใครกลับมาดูจริง และมาเอาจริง จริงในสิ่งนี้ของใจตนจริง..จริง ๆ กัน มีแต่เอาใจไปยุ่งวุ่นวายทางโลก ทางกายกันเสียส่วนใหญ่ ทั้ง ๆ ตัวเราเองจริง ๆ ที่สุดก็ต้องไปจากมัน จากร่างกายนี้ จากร่างกายคนอื่น จากเรื่องราวต่าง ๆ จากบ้านที่อยู่ จากสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมด มันมีจุดจบจริงในสิ่งนี้ของมันเองจริง จริงที่ความตายนี้จริง แต่ก็มีแต่คนสนใจอยู่แต่ชีวิตของการมีร่างกาย มีน้อยคนจะมาสนใจจริง จริงในเรื่องจริงของใจ ในความรู้สึกของใจจริง..จริง ๆ มีน้อยมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่จริง สิ่งนี้สำคัญที่สุดของตัวเราทุกคนจริง

ถ้าก่อนตายจิตเศร้าหมอง ตายแล้วไปอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น
ถ้าจิตเป็นกุศล ผ่องใส ตายแล้วมีสวรรค์ พรหม นิพพานเป็นที่ไป

ชีวิตมันไม่ได้มีแค่ตอนอยู่อย่างเดียว ชีวิตหลังความตายมันน่ากลัวกว่า ถ้าอยู่อย่างประมาทไม่สนใจในเรื่องของใจจริง..จริง ๆ กัน ก็จะไปมีผลจริงตอนตาย จิตออกจากร่างกายนี้จริง

และชีวิตมันมีแต่ความไม่เที่ยง มีแต่ความแปรปรวน ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่คงที่แน่นอนจริง เดี๋ยวดี เดี๋ยวไม่ดี หาอะไรจริงไม่มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นอดีต เป็นความว่างเปล่า สุดท้ายก็ต้องตาย

ก็ลองนึกเล่น ๆ นี้ดู ทุกอย่างของมันจบแค่ตาย แล้วอะไรเล่าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญจริง ที่สุดจริง จริงของตัวเราเองจริง ในเมื่อจริง จริงในความจริง..จริง ร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของ ๆ เรา เราต้องไปจากมันด้วยความตายนี้จริง

ตัวเราจริง ๆ คือใจ ใจคิอความรู้สึก ตัวเราจริง ๆ จะสุขจะทุกข์ ในความจริง..จริง ๆ อยู่กับสิ่งนี้อย่างเดียวจริง ความรู้สึกจริงของใจ ในภายในของใจเราเองจริง

ใครเห็นยังไงพี่ไม่รู้ พี่รู้แค่ตัวของตัวพี่ว่า เราจะสุข เราจะทุกข์ ก็อยู่ที่ในสิ่งนี้อย่างเดียวของใจเราเองจริงคือ "ความรู้สึกของใจ ใจในใจ ในภายในของใจเราเองจริง" จึงกลับมาจริง สนใจจริง จริงในสิ่งนี้จริง จริงของใจอย่างเดียวจริง

ชีวิตภายนอกก็ทำของ ๆ มันไป ตามปกติของการเกิด ของการมีร่างกาย ของชีวิตที่มันเป็นอยู่ ทำงาน ทำทุกอย่างที่จำต้องทำ ทำในสิ่งที่ควรทำจริง ไปตามปกติของชีวิตของการมีร่างกาย แต่ในใจ ใจเอาจริง จริงในสิ่งที่เป็นจริง เป็นความจริง เป็นสุขใจจริง เป็นสิ่งที่ดีที่สุดจริง จริงในความรู้สึกจริง จริงของใจเราจริง

พี่เอาในสิ่งนี้ของใจพี่จริง มีแค่นี้เอง

ความจริงพี่แค่มอง มองกลับสู่ใจ ข้างในใจ ในภายใน ในความรู้สึกของใจตัวเองเท่านั้นเอง ว่าจุดจบจริงของใจเราเองจริง ๆ คือสิ่งใดของใจในความรู้สึกจริงของใจเราเองจริงเท่านั้นเอง

มองตรงนี้ของใจตัวเอง

การเกิด ไม่เอาแล้วในสิ่งนี้จริง เราไม่รู้สึกถึงคำว่า เกิดเป็นของดี เป็นความต้องการ เป็นสิ่งดีของตัวเราจริง ใจรู้สึกว่าไม่เกิดดีที่สุดจริง ๆ จริงของตัวเราเองจริง

นี่พี่คุยไปตามความรู้สึกของใจพี่นะครับ เอาตรง ๆ จากในใจพี่จริง รู้สึกถึงเรื่องนี้มีแค่นี้ของใจตัวเองจริง "ไม่เกิดดีที่สุดจริง" จึงไม่วันไหน เวลาใด วินาทีใดที่ในใจจะพลาดจากสิ่งนี้ของใจตัวเองไม่มี ใจในใจจะไปตั้งเองอยู่เองในนิพพานของใจตัวเองอย่างเดียวจริง จริงด้วยความรู้สึกจริงของใจ ใจพอใจไม่เกิดจริง จริงของใจตนจริง

เพียงแต่เมื่อก่อน ยังมีจิตยุ่งวุ่นวายเรื่องอื่น ต้องทำยั่งงั้นต้องทำยั่งงี้จึงไปนิพพานได้ ล้วนฟัง อ่าน แล้วมาทำ มาคิดเองเออเอง เป็นอย่างนี้มายาวนาน แต่ลึก ๆ ในใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากเกิดแล้ว แต่กลับหาความสุขใจของใจตัวเองจริง ๆ ไม่มี วุ่นวายอยู่กับตัวคิด ตัวพิจารณา ตัวทำ ทำมันหมดทุกอย่าง ในเรื่องสมาธิก็ทำตั้งแต่ไปฝึกมโนมยิทธิครั้งแรก หลังจากนั้นก็ไม่เคยทิ้งในสิ่งนี้ตั้งแต่ปี 26 เป็นต้นมา

กรรมฐานทำมาแทบทุกกอง ที่ชอบในสมัยก่อนจริง ๆ คือสมาบัติ 8 ชอบทำกองนี้เป็นพิเศษ ชอบจับความว่างของอากาศมาเป็นอารมณ์ ยามที่รู้สึกว่าว่าง ๆ ในใจสบายใจดี เราเคยทำเล่น ๆ จับภาพพระเล็กเท่าปลายเข็มไว้กลางอก แล้วกำหนดจิตพุ่งเข้าไปหาองค์พระท่าน นิ่ง ๆ ว่าง ๆ จดจ่ออย่างนี้จุดเดียว กำหนดจิตเข้าไปหาองค์พระกลางอกที่เล็กเท่าปลายเข็ม ทำสบาย ๆ ในใจ พอพุ่งเข้าไปรู้สึกชัด เห็นภาพพระแตกออกมา จากเล็กเท่าปลายเข็มแตกเป็นองค์ใหญ่ ขยายแตกออกมา รู้สึกเพลินดี ก็พุ่งไปเรื่อย ๆ ในใจ จนถึงที่สุดขององค์พระที่เล็กเท่าปลายเข็ม ได้ยินเสียงในใจดังตุ้ม เหมือนเสียงระเบิด แปลกดี

ภาพพระหายไปแต่ในใจกลับรู้สึกว่าง ๆ ไม่มีอะไรเลย เหมือนเป็นความว่างของอากาศ เวิ้งว้างว่างเปล่าอย่างเดียวจริง ๆ แต่ในความรู้สึกของใจตอนนั้น นี่ยังไม่ใช่ที่สุดจริง จึงพุ่งต่อไป กำหนดพุ่งเข้าไปในความว่างนี้ พุ่งเข้าไปเรื่อย ๆ ในใจพี่จะหาคำว่า ที่สุดจริงคืออะไรจริง

พุ่งเลยความว่างนี้ออกไป จนถึงจุดหนึ่ง ได้ยินเสียงเหมือนจิตที่พุ่งมามันแตก จิตหายไป ไม่เหลืออะไรเลยตอนนั้นจริง ในใจไม่รู้สึกว่าตัวตนมี ไม่มีอะไรนี้จริง กลับมีแต่ความรู้สึกของใจจริง รู้สึกถึงความสงบเย็น ๆ ใจ รู้สึกถึงความเป็นอิสระจริง ว่างไม่มีขอบเขตอย่างเดียวจริง เรารู้สึกถึงความสบายใจที่สุดจริงของใจเราเองจริง ในสิ่งนี้จริง แล้วมีเสียงบอกว่า "นี่คือตัวเราเองจริง" จริงในความจริง..จริง

แต่ตอนนั้นประมาณปี 28 ยังขาดตัวเข้าใจในความจริง..จริง เพียงแต่รู้สึกสนุกในการทำสมาธิจิต ติดเล่น ติดทำอยู่แค่นี้ แต่ลึก ๆ จำความรู้สึกนี้ได้ มันช่างอัศจรรย์ดี ใจสงบเย็นสุขใจเราเองดี แต่ความโง่ของใจพี่ กลับไปยึดไปเอาอย่างอื่น อยากเป็นพระอริยะขั้นนั้นขั้นนี้ อยากมีอภิญญา เหาะได้ อยากทรงปฏิสัมภิทาญาณ อยากดี อยากช่วยคน แม่ง555 มีแต่ตัวอยากจริง ๆ โคตรโง่เลย ไปยึดเอาในสิ่งนี้เป็นสุขของตัวเอง เลยมีความเครียดในความอยากในสิ่งนี้ของจิตตน คิดพิจารณาร่างกาย ทำกรรมฐานทุกอย่าง ก็เพื่อเป็นไปในความอยาก ทั้ง ๆ ก็อยากไปพระนิพพาน ไม่อยากเกิด แต่กลับไปยึดเอาในสิ่งนี้

เออ..เราช่างแสนโง่จริง ๆ

ความรู้สึกสงบเย็นสุขใจที่สุดของใจ เราพบแล้วในสิ่งนี้จริง แต่กลับไม่เอาในสิ่งนี้ของใจตนจริง เคยทำสมาธิ จิตหลุดออกจากร่างกายก็บ่อย ตอนนั้นหลุดเป็นปกติเลย ไปเหาะไปเล่น ไปฝึกหายตัว ไปฝึกเดินบนน้ำ เล่นอยู่อย่างนี้จนเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรเลย แค่นี้เอง สนุกไปวัน ๆ ไม่ได้อะไร ตอนนั้นคิดอย่างนี้ ก็โง่..เลิกทำในสิ่งนี้

มุ่งอยากตัดนั่นตัดนี่ เอาสิ่งนี้ของจิตตน หาหนทางของใจตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เคยมีพระที่นิพพานท่านเมตตามาสอนเป็นเดือนทุกวัน ตกกลางคืนมาแล้ว มาสอนสั้น ๆ ท่านบอกแล้วท่านก็ไป เราก็เอาในสิ่งนั้นมาทำ พอตกกลางคืนท่านมาบอกต่อให้เราหาให้เราทำ เป็นอย่างนี้ร่วมเดือนตอนปี 37

พอวันหนึ่งเริ่มเข้าใจ ใจเบาลงมา นอน ๆ อยู่ ตื่นมาตอนตีสองกว่า ๆ มันชอบตื่นเวลานี้บ่อย พอลืมตามา เห็นท่านเดินทะลุประตูห้องเข้ามา มายืนใกล้ ๆ พี่ แล้วท่านพูดว่า

"ที่เธอทำมาทั้งหมดมันอ้อม ทางตรงจริง ๆ ใจตัวเดียว"

ท่านบอกแค่นี้แล้วก็หายไปต่อหน้าพี่เลย เออสอนเป็นเดือน สุดท้ายมาบอกว่าที่ทำอ้อม ทางตรงใจตัวเดียว

แล้วต่อมามีเสียงกลางอากาศมาบอกว่า "จิตรู้ในความเป็นกลาง จิตรู้เป็นอารมณ์จบ" ท่านบอกแค่นี้

ในชีวิตพี่ ไม่เคยเลยที่จะมีท่านมาบอกอย่างละเอียด มาบอกแค่หัวข้อสั้น ๆ แล้วต้องหาเองด้วยตัวของตัวเราเอง ก็หาไปรู้ยังไงจึงจบ มาวันหนึ่งประมาณสองทุ่มกว่า พอจำได้ ก็ทำสมาธิ ตั้งใจเกินไป มันเบื่อ มันไม่อยาก อยากไปอยู่ไกล ๆ คนในที่สงบไม่มีใคร อยากจบ เนี่ยความอยากของจิตตอนนั้น เลยทำสมาธิตั้งใจมากเกินไป ทำ ๆ ไปชักไม่ไหว ร่างกายมันตึงจิตเครียดเกินไป นึกในใจ พักหน่อยดีกว่า เลยผ่อนใจลงมาสบาย ๆ เอนหลังพิงข้างฝาห้อง แต่อยู่ ๆ ในใจผุดขึ้นมาเอง "จิตรู้ในความเป็นกลาง จิตรู้เป็นอารมณ์จบ" แปลกตรงที่ในใจกลับสงบเย็นเอง ว่างไม่มีขอบเขตเอง จิตนิ่งสงบเอง เป็นกลางเองในสิ่งนี้ของใจในใจเองจริง รู้สึกจิตมันรวมตัวกัน มีกำลังของความสงบสุขใจเองจริง

อยู่ ๆ พุ่งออกจากร่างกายแบบเต็มกำลังเองจริง ทะลุเพดานห้อง พุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ออกนอกโลก เห็นชัดในตอนนั้น ตัวพี่พุ่งขึ้นไปเองเรื่อย ๆ ผ่านดวงดาวมากมาย ไปจนถึงสุดขอบจักรวาล เห็นเป็นทางสามแพร่ง รู้สึกว่านี่คือทางไปสวรรค์ พรหม และนรก แล้วพี่ก็พุ่งลอยขึ้นไปเร็วมากตอนนี้ ไปหยุดตรงวิมานของพระองค์ที่พระนิพพาน เข้าไปกราบพระองค์ท่าน ใจตอนนั้นรู้สึกสุขใจที่สุดจริงของใจเราจริง มีแต่ความสงบเย็นอย่างเดียวจริง..รู้สึกอิสระใจที่สุดจริง สบายใจที่สุดจริง เย็นใจ อบอุ่นนิ่มนวลใจ ใจสุขใจที่สุดของใจเราเองจริง

เรารู้สึกว่าสิ่งนี้ของใจเราจริงคือที่สุดจริง จริงของใจเราเองจริง แล้วพระองค์ท่านทรงชี้นิ้วท่านลงมา ท่านทรงตรัสว่า "เธอจงมอง" พี่มองตามท่าน เห็นโลกของเราเล็กมาก ๆ อยู่ไกลมาก ๆ แล้วเห็นชั้นสวรรค์สูงจากโลกนี้มาก ๆ แล้วเห็นชั้นพรหมโลกสูงขึ้นมาจากสวรรค์อีกมาก ๆ ท่านทรงตรัสว่า "โลกทั้งสามนี้เธอต้องการไหม"

ในใจของเรารู้สึกถึงใจ ใจสงบสุขเย็น ๆ ใจ ที่สุดในสิ่งนี้ของใจเราเองจริง หาสิ่งใดจะยิ่งกว่านี้ไม่มี เราพบแล้วนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดจริง จริงของใจเราเองจริง ไม่มีสิ่งใด ๆ จะดีกว่านี้ไม่มี โลกทั้งสามนี้ จะเป็นโลกมนุษย์ สวรรค์ พรหม ในความรู้สึกของใจตอนนั้นมันไม่มีความหมายกับใจของใจเราเลยจริง ๆ ด้วยในใจของเราจริง รู้สึกสุขใจยิ่งในสิ่งนี้ของใจเราเองจริง จึงกราบทูลพระองค์ท่านว่า "ลูกไม่ต้องการ..พระพุทธเจ้าข้า"

ทรงตรัสตอบมาว่า "ก็แค่นี้แหละนิพพาน"

คือใจมีแค่นี้ของใจเราเองจริง สงบเย็นใจ ใจในใจของใจเราเองจริง

แต่พอลงมาเข้าร่างกายเหมือนเดิม โรคโง่ให้ผลเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่รู้สึกพอใจในความรู้สึกอย่างนี้ของใจ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงตรัสว่า ก็แค่นี้แหละนิพพาน คือหมดความพอใจในโลกทั้งสามจริง ใจสงบเย็นใจจริง จริงในความรู้สึกจริง จริงของตัวใจเราเองจริง แต่พี่กลับไม่เอาแค่นี้จริง ติดตำรา คิดเองเออเอง เนี่ยเลวจริง ๆ แทนที่จะเชื่อในคำของพระองค์ท่าน และความรู้สึกจริงของใจนี้จริง กลับคิดเองเออเอง ว่าต้องทำยั่งงั้นยั่งงี้จึงดีจึงได้ แต่ลึก ๆ ตอนนั้นใจเบาลง ด้วยลึก ๆ ในใจพอใจอยู่ว่าง ๆ สงบเย็นใจ ในภายในลึก ๆ ในสิ่งนี้ของใจจริง แต่อุปาทานจิตติดยึดตัวทำ ตัวคิด และอยากช่วยคน มีสิ่งนี้ของจิตตนเป็นตัวกั้นใจ

ใจสงบสุขใจเย็น ๆ ใจ ในสิ่งนี้ของใจตัวเอง ทั้ง ๆ ก็พบแล้วจริง จริงในสิ่งนี้ของใจตัวเองจริง ก็ใช้ชีวิตโง่ ๆ อย่างนี้มาหลายปี ติดช่วยงาน ช่วยทำงานช่วยคน ไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้ จนที่สุด เรารู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่ทำมาทั้งหมดของชีวิต และมองย้อนลงไปในทุก ๆ ชาติที่ผ่านมาทั้งหมด ทำแทบตายหาใจของใจใครจริง มีใจรักใจเราจริงไม่มี มีใจใครจริงใจจริงกับใจของใจเราจริงไม่มี ทำให้แล้วพอไม่เป็นที่ถูกใจก็โดนเขาเล่นงาน แต่นี่จริงไม่ได้อะไร เราไม่ได้ต้องการอะไรจากการให้การทำของเราทั้งหมดที่ผ่านมา

แต่สิ่งหนึ่งที่ใจในใจเรารู้สึก เราไม่สามารถช่วยใจของใจใครจริงได้จริงสักคนเดียวจริง ต่อทำให้แทบตาย ก็ไม่สามารถทำให้ใจของใครจริง มีใจ ใจสุขใจของใจเขาจริง..จริง ๆ ไม่มีสักคนเดียวจริง แม้แต่ตัวของตัวเราเอง ก็หาคำว่าใจ ใจสุขใจของใจเราเองจริง..จริง ๆ ไม่มี ในสิ่งที่ใจของเราไปยึด ไปยุ่ง ไปวุ่นวาย จึงกลับมา มาดูใจ ใจในใจของใจเราเองจริง ใจมองจริงเห็นชัดใจในใจเราเองจริง มีแต่ดวงใจพระองค์จริง ที่ทรงรักใจเราจริง ทรงจริงใจจริงกับใจของใจเราจริง ทรงให้ใจเราจริง ทรงไม่เคยทอดทิ้งใจเราเลยนับชาติไม่ถ้วน เรารู้สึกของใจเราอย่างนี้จริง และเราเห็นชัดว่า ทิฐิมานะ ความคิดเห็น ไม่สามารถทำให้ใจของใจเราจริง รู้สึกสุขใจจริง จริงของใจเราเองจริง ใจเห็นโทษเห็นทุกข์ในสิ่งที่จิตยึดในความคิดเห็นของจิตตนเป็นใหญ่ว่า มันทำลายความดีความสุขใจของใจเราเองจริง จึงกลับมายอมจริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง จริงอย่างเดียวจริง จริงของใจเราเองจริง ในใจเห็นจริง คุณพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้จริง ๆ มีแต่ใจของพระองค์จริง เป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดจริง จริงของใจตัวเราเองจริง และในใจกลับมาเห็นของใจเราเองจริง ใจสงบสุขใจจริง ใจอิสระใจจริง ใจสบายใจที่สุดจริงของใจเราจริงมีค่าที่สุดจริง จริงของตัวเราเองจริง ถ้าไม่มีสิ่งนี้จริง เราตายแน่ หาใจ ใจสุขใจของใจเราเองจริงไม่มี

มันจะมีแต่ความทรมานใจ ในทุกข์ของใจเราเองจริง เรารู้สึกทนไม่ไหวแล้วในสิ่งนี้ของจิตตนอีกต่อไปจริง ในใจต้องการจริง อิสระใจจริง เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดจริง จริงของใจเราเองจริง

ตอนนั้นสมเด็จพ่อองค์ปฐมทรงเสด็จมา ลอยอยู่กลางห้อง ในใจพี่ตั้งใจจริง นับแต่นี้ไปใจของเรานี้เป็นของพระองค์ท่านองค์เดียวจริง ใจในใจจึงมีแค่ใจท่านจริง มีใจพอใจจริงในอิสระสุขใจของใจจริงอย่างเดียวจริง เห็นสิ่งนี้จริงของใจจริงมีค่าที่สุดจริง เห็นดวงใจพระองค์ท่าน ความรักของใจพระองค์ท่านมีค่าที่สุดของใจเราจริง จิตพี่เลยปักจริงเป็นหนึ่งจริงในสิ่งนี้ของใจตัวเองจริง และต้องการรู้จริง ว่าจริงในความจริง..จริง ๆ เป็นเช่นไรจริง

พอตั้งใจในสิ่งนี้จริง อยู่ ๆ ในใจ จิตถูกดันออกจากร่างกาย ลอยตามพระองค์ท่านไป ในความรู้สึกของใจ ในใจเราจริง ๆ ไม่มีอะไรเลย มาหยุดอยู่ตรงที่หนึ่ง ไม่รู้สึถึงตัวเรามี ตัวเราไม่มี มีแต่ความรู้สึกว่าง ๆ ว่างไม่มีขอบเขต รู้สึกถึงใจ ใจอิสระของใจเราเองจริง สงบเย็นเองจริง สบายใจเองจริง จริงในสิ่งนี้ของตัวใจเราเอง มีความรู้สึกท่านทรงตรัสว่า "นี่คือความจริง..จริง"

เราก็กลับมาดูในความรู้สึกของใจ ใช่..มีแค่นี้เองจริง ๆ เบื้องหน้าไม่มีอะไรจรืง ย้อนกลับมาดูร่างกายเห็นชัดว่า มันเป็นคนละส่วนกับตัวเราจริง มันไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของ ๆ เรา เราไม่มีในมัน มันไม่มีในเราจริง

เรามีเรา เรามีของ ๆ เราเองจริงแค่นี้จริงคือ ความรู้สึกว่าง ๆ สงบเย็น อิสระ เบิกบาน สิ่งนี้คือตัวเราจริง สิ่งนี้คือจริง จริงในความจริง จริงอย่างเดียวจริง เห็นชัด มั่นใจในสิ่งนี้ของใจตนจริง เลยลอยกลับเข้าร่างกายเหมือนเดิม นั่นตอนต้นปี 55

เราก็รู้สึกอยู่นี้ในภายในของใจเราเองจริง ในความรู้สึกว่าง ๆ สงบเย็นของตัวใจเราเองจริง ถึงร่างกายจะเป็นยังไง มีความคิดแปรปรวนยังไง จะมีอะไร ๆ ของมันยังไง ภายนอกจะต้องทำอะไร มีเรื่องอะไร มีสิ่งใดเข้ากระทบในชีวิตของร่างกายก็ตาม เรารู้หมดในสิ่งนี้ของมัน ทุกอย่างมันมีของมันเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ในใจเรากลับรู้สึกว่าง ๆ สงบเย็นใจ อิสระใจ สบายใจในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง เป็นอยู่คงที่เองจริง จริงในสิ่งนี้ของใจเราเองจริง สิ่งนี้มีอยู่แล้วเองจริง จริงในความจริงของตัวใจเราจริง จริงในความจริง..จริง

ก็อยู่อย่างนี้มาเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่งใจเห็นชัดในความรู้สึกของใจว่า ดวงใจพระท่านจริงมีใจรักจริง มีใจจริงใจจริง ใจสุขใจของใจท่านจริง ดวงแก้วพระนิพพานของใจพระองค์จริงคือจริง จริงในความจริง จริงที่สุดจริง จริงของใจจริง ดีที่สุดจริง จริงของใจเราเองจริง เรารู้สึกถึงความรักของใจพระท่านจริง ใจสุขใจจริงของใจท่านจริงมีค่าที่สุด ดีที่สุด สุขใจที่สุดจริง จริงในความรู้สึกจริง จริงของใจเราเองจริง เราพบแล้ว #ที่สุดจริงของใจเราจริงคือดวงใจพระท่านจริง ที่สุดจริงคือใจสงบเย็นสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง เราจึงเอาจริง จริงของใจเราจริง จริงในสงบสุขใจนี้ดีที่สุดจริง จริงของใจเราเองจริง

เราจึงอยู่ของ ๆ เราแค่นี้ ในภายใน ในความรู้สึกจริงของใจเราจริงอย่างเดียวจริง จริงในความรู้สึกสงบสุขเย็น ๆ ใจ อบอุ่นนิ่มนวลใจ ใจสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง จริงอย่างเดียวจริง พอแล้วจริง จริงของใจเราจริง นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดจริง จุดจบจริง จริงของใจเราจริง

ที่สุด..ที่สุดของใจ คืออะไร? ก็คือสิ่งนี้ของใจเราจริง #ความดีของใจพระท่านคือที่สุดจริง จริงของใจเราจริง ของพี่มีแค่นี้ ก็คุยให้อ่านเพลิน ๆ ใจ ก็ลองกลับมาดูในสิ่งนี้ของใจทุกคนกัน ด้วยใจของใจตัวเองกัน ว่า ที่สุด..ที่สุดของใจ คืออะไร ด้วยใจของใจทุกคนเองจริง

พอเข้าใจน่ะครับที่คุย สุขใจในใจกันนะครับ ขอบคุณครับ

ว้นนี้วันพระเจ้าตากสินมหาราช ลูก ๆ ทุกคนขอน้อมเกล้ากราบบูชาความดีของใจท่าน ขอนอบน้อมถวายบุญในความดีของใจ น้อมถวายพระเจ้าตากสินมหาราชและคณะของท่านทั้งหมด ด้วยใจรู้คุณในความดีของใจท่านจริง

เราเองเป็นผู้หนึ่งที่ผ่านชีวิตมามากมายนับชาติไม่ถ้วน ทรมานกาย ทรมานใจอย่างแสนสาหัสมาจนถึงชาตินี้ วันนี้ในใจของเราจริง เราพบจริง เรามั่นใจจริง ใจเราอยู่จริง คงที่จริง จริงในสิ่งที่ดีที่สุดจริง จริงของใจเราเองจริง ดวงใจพระองค์ท่าน สมเด็จพ่อองค์ปฐม ดวงใจพระทุกดวงใจในพระนิพพาน ดวงใจพระท่านนี้ดีที่สุดจริง จริงของใจเราจริง จริงในความรู้สึกจริง จริงของใจเราเองจริง เราไม่เกิดแล้ว จิตคงที่สมบูรณ์จริงเอง เองในนิพพานเอง เองเป็นหนึ่งเองด้วยใจ ใจสุขใจจริง จริงในความดีของดวงใจพระ พระนิพพานของดวงใจพระท่านจริง

ใจสุขใจนี้คือที่สุดจริง จริงของใจตนจริง มีแค่นี้เอง นิพพาน ใจสุขใจในความดีของใจพระท่านจริง

ก็ลองวางใจตามดูน้อ..ดีก็เอา

ใจเราทุกคน ต้องการจริง ๆ ไหม ความพ้นทุกข์จริง..จริง ๆ ของใจตนจริง ต้องการจริงไหม ใจสุขใจจริงที่สุดจริงของใจตนจริง ๆ จริงในความรู้สึกจริงของใจตนจริง

ต้องการจริงไม่ยาก

นิพพานง่ายที่สุด คือความดีของใจพระองค์ท่านจริง ใจกลับมาอยู่กับใจพระองค์จริง นิพพานเอง

ใจสุขใจในความดีของใจพระท่านจริง ใจสุขใจนี้คือที่สุดจริง จริงของใจตนจริง มีแค่นี้เอง นิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น