#ดวงใจที่สงบสุขใจจริง #คือดวงใจของใจเราจริง #คือตัวใจของตัวเราเองจริง
ตื่นมาท่านให้หัวข้อนี้มา และก็ย้ำอยู่แค่นี้ เลยพิมพ์ทิ้งไว้ก่อนตั้งแต่ตีสามกะว่าเช้ามืดค่อยคุย แต่นอนต่อก็นอนไม่หลับ ก็คุยเลยดีกว่า
ก็ขอประกาศ นี่คือการคุยเล่นๆ ให้อ่านเล่นๆ เพลินๆ ใจกัน อะไรถ้าดีมีประโยชน์ก็เอา ก็อย่ามาอะไรกับพี่น้อ ต้องเข้าใจกันว่า นี่คือคนบ้าคุย
ความจริงเรื่องคุยมีเยอะ แต่บางเรื่องที่เจอะ มันไม่มีใครเจอเหมือนเรา พอคุยไปก็โดนเขาด่า หาว่านอกตำรา นอกครูบาอาจารย์ ทั้งๆพระท่านมาสอนเอง พระที่ท่านนิพพานไปแล้วท่านเมตตามาสอน บางเรื่องไม่มีในตำรา และพบสิ่งนี้ด้วยตัวของตัวเราเองจริง พอเอามาคุย เค้าก็ด่าเรา อยู่ยากน้อในโลกนี้ 5555
พี่ถึงบอกว่า ขี้เกียจคุย แต่ทางมันบังคับ นี่ขนาดจะคุยตอนเช้ามืด นอนตั้งนานไม่หลับต้องลุกมาคุย เคยจะไม่คุย นอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับ พอจะไม่คุยก็มีเสียงมากลางอากาศ "ลูกไม่เชื่อพ่อหรือ" ฟังแล้วสะเทือนใจ เราไม่เคยคิดจะดื้อกับท่าน แต่ก็ดื้อ 555 อันนี้สันดานไม่ดี เป็นนิสัยส่วนตัวน้อ เป็นมานาน อะไรก็ตามถ้าไม่เห็นด้วยตัวเองจริงๆ เอาไว้ก่อนเห็นแล้วจะเชื่อ เมื่อก่อนใครสั่งให้ทำอะไร ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ทำ จะเป็นใครก็ไม่สนใจเพราะชอบอิสระ แต่ถ้าอยากทำ ถึงเขาไม่บอกก็ทำให้ เต็มใจทำ ไม่ชอบให้ใครบังคับ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ มองดูคนไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ก็ปล่อยเขาคุยไปแต่ก็ดู ดูเข้าไปในใจคน ใจเขาเป็นยังไง แต่รู้แล้วก็ไม่พูด ดูไป ว่ากันไป นิสัยไม่ค่อยดี หยาบ และขี้เกียจทำอะไรยากๆ หรือทำตามแบบแผน ชอบมองไปที่ผลเลย เอาผลเลย ขี้เกียจเดินตามขั้นตอนเหมือนคนอื่น จึงไม่ชอบอยู่ในกรอบในกฏในระเบียบเหมือนใคร และชีวิตที่ผ่านมา เจออะไรแปลกๆเยอะมาก เอามาคุยเล่นๆได้กับคนที่เข้าใจกัน แต่คุยกับคนทั่วไป โดนแน่ๆ 555...โดนด่าแน่ๆ
ก็ถือว่าคุยเล่นๆกันน้อ พี่เจอผีมาตั้งแต่เด็กๆ จำได้ว่ายังเรียนประถมอยู่ นอนคนเดียวตื่นประมาณตีสี่เนี่ย เห็นผีมีแต่หัวลอยมา ผีผู้หญิงกับผู้ชาย ยื่นหน้ามาหาแทบจะชนหน้าพี่ ใหญ่มาก ตอนนั้นนอนตัวแข็งเลย 55 เจอเป็นครั้งแรกของชีวิต เอาแต่เด็ก แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง
และก็ตอนนั้นในใจรู้สึกไม่อยากเกิดอีกตั้งแต่เด็กๆ แต่พี่ไม่รู้ว่า ถ้าไม่เกิดจะไปอยู่ที่ไหน เรายังไม่รู้จักพระนิพพาน มารู้จักคำนี้ตอนเรียนปวช.ปี1 ได้หนังสือธรรมะของท่านมา หยิบมาอ่านก่อนนอน ตอนนั้นนอนข้างๆโต๊ะพระในบ้าน เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านหนังสือธรรมะ แต่ก็แปลกกลับเข้าใจในคำสอนของท่าน พิจารณาตามเอง ในใจรู้สึกสงบเย็นๆ สบายใจ ก็เลิกอ่านปิดไฟนอน นอนพิจารณาตามท่านสอน อยู่ๆก็เห็นแสงสว่างออกจากพระพุทธรูปที่โต๊ะพระ เป็นสีเหลืองอ่อนๆ สว่างออกมาจากองค์พระ นานมาก แปลกใจว่านี่แสงอะไรเลยเอามือไปปัดดู แสงก็หายไป ตอนนั้นนึกในใจว่า พระศาสนามีอะไรอัศจรรย์น่าศึกษา เลยสนใจตั้งแต่ตอนนั้นมา แล้วเลยไปฝึกสมาธิในที่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ก็รู้น้อที่ไหน แต่คุยไปเขาจะหาว่าเราประกาศตนเป็นลูกศิษย์ ไม่ดีกว่า คุยยากน้อเดี๋ยวนี้ ความจริงพี่ไม่เคยประกาศตัวเองเป็นลูกศิษย์ ทั้งๆไปฝึกกรรมฐานของท่านมาตั้งแต่ปี 26 เคยไปบวชปี 28 ตั้งแต่สึกมาก็ไม่เคยประกาศว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ท่าน พี่รู้ตัวดีว่าตัวเองหาความดีไม่มี มีแต่ความเลว เราไม่ต้องการให้ท่านมาเสียเพราะเรา เราคุยก็คุยในความดีของท่าน ความดีของพระท่าน ที่คุยก็จะคุยอย่างนี้ สุขใจเราดี แต่ก็ต้องคุยที่ผ่านมาบ้างให้เห็นชัดๆในเรื่องที่คุย
ก็ไปฝึกสมาธิตั้งแต่ปี 26 กลับมาบ้านเจออะไรแปลกๆตั้งแต่นั้นมา โดนเทวดาแกล้งเป็นประจำ ไม่ต้องหลับตาภาวนา พอแค่จะตั้งใจทำ ยังไม่ทันไร มองเห็นจ๊ะ เทวดานางฟ้ามายืนให้เห็น ชัดมาก มาคุย มาหัวเราะ มาแหย่พี่ เออโดนท่านแกล้งประจำ วันไหนนอนไม่สวดมนต์ โดนจับขาลากกับพื้น เจ็บหลังเลย 55
ตอนไปบวชเจอตั้งแต่ช่วงแรกๆมเจออย่างนี้เป็นเดือนเป็นปี พอสองทุ่มมาแล้ว เคยคุยกับท่าน มีพระมาสอนก็มี ถามท่านว่าจะทำยังไงเป็นพระอรหันต์ ท่านบอกมาคำเดียวว่า "ตัดขันธ์๕" เลยเลิกคุยเลย 555 เนี่ยความโง่ของพี่แทนที่จะถามต่อ
เคยหลุดออกจากร่างกายเองบ่อยมาก ออกมาเห็นร่างกายชัด นั่งอยู่ เดินออกมาจากร่างกายตัวเองไม่มีรูปมีร่าง ว่างๆ ไม่มีตัวตน แต่มีความรู้สึกว่างๆ สงบ อิสระ สบายใจ มีความรู้สึกอยู่แค่นี้
อันนี้สมัยก่อนน้อ ตอนนั้นชอบเล่นสมาธิ
แต่พออยากเห็นรูปกาย ก็เห็นเป็นกายพระวิสุทธิเทพชัด มีเพชรระยิบระยับ ชัดมาก แต่ส่วนใหญ่ออกจากร่างกาย รูปร่างไม่มี ก็ไปอย่างนี้ เลยเห็นชัด ร่างกายกับตัวเราจริงๆ มันคนละส่วนกันจริงๆ และตัวเราเองจริงๆ ก็มีแค่ความรู้สึกว่างๆ สงบเย็น อิสระ เบิกบาน มีอยู่แค่นี้ของตัวเราเองจริง
ทุกครั้งที่ออกจากร่างกายนี้ ก็รู้สึกอยู่แค่นี้เป็นปกติของใจเราเอง แต่ตอนนั้นโคตรโง่เลย ติดตำรา ติดคิด ติดตัวทำ แยกไม่ออกว่า ก็มีแค่นี้ตัวเราเองจริงๆ
ก็ไปเกาะร่างกายเหมือนเดิม เกาะรูปกาย เกาะเวทนาทางกาย เกาะยึดระบบประสาททางกาย ความคิด ความจำ อารมณ์ปรุงแต่งที่มาจากการมีร่างกาย อาการทางกาย เนี่ยเลยมีแต่ความเศร้าหมอง ความอึดอัดใจ ความทุกข์ของใจตัวเองอย่างนี้
จะสงบก็ตอนทำสมาธิ จิตจับพระ จิตจับพระนิพพาน เอาใจตัวเองไปนิพพาน ไปโน้นไปนี่ ไปนั่งคุยกับท่านก็จะรู้สึกสงบเย็นใจ
ก็ไปยึดเอาว่า ต้องทำสมาธิจึงสงบ
แต่ตอนไม่ทำ จิตก็เกาะร่างกายเหมือนเดิม ก็วุ่นวายไปกับสิ่งที่จิตมันยึดมันถือ มันเกาะในขันธ์๕ ร่างกายนี้ ทุกข์กับมันไป กว่าจะมาเห็นชัด ยอมรับจริง มั่นใจจริง ว่าตัวเราจริงๆ ก็มีแค่นี้เอง ความรู้สึกว่างๆ สงบเย็น อิสระ เบิกบาน สิ่งนี้จริงๆ คือตัวใจ ตัวเราเองจริง..จริง จริงในความจริง..จริง ก็ตอนต้นปี 55
ตอนนั้นหมดใจเกิดจริง หมดความปรารถนาจะอะไรในอะไรทั้งหมดจริงเองจริง เหนื่อยกับการเกิด เหนื่อยกับคน เหนื่อยกับสิ่งต่างๆ ที่ยุ่งวุ่นวายมาทั้งหมด รู้สึกถึงความทุกข์ทรมานใจกับสิ่งที่จิตมันไปยึดถือ แม้แต่ความปรารถนาดี คิดอยากช่วยคน ให้พ้นทุกข์ แต่สิ่งที่ทำมาทั้งหมดนับชาติไม่ถ้วนจวบจนชาตินี้ ตัวพี่รู้สึกถึงคำว่า เราไม่สามารถทำให้ใจของใจใครจริง ใจสุขใจของใจเขาจริง..จริงๆ ไม่ได้ ทำเท่าไหร่กลับหาความจริงใจจริงจากใจคนจริงๆไม่มี มีก็น้อยมากๆที่พบเห็นมา ทำแทบตาย ช่วยไม่รู้จะช่วยยังไง ทำให้เต็มที่ พอทำไม่ถูกใจ เขาไม่เข้าใจ ก็ว่า ก็เล่นงานเรา เจอมาอย่างนี้ตลอด
เนี่ยเอาแค่คุยอย่างนี้ทุกวัน ก็ไม่ได้คุยทำลายความดีของใคร คุยในความดีของใจพระท่าน คุยในความสงบสุขใจของใจจริง ยังโดนเขาว่า หาว่าไม่ตรงคำสอนของครูบาอาจารย์ ขนาดพี่บอกแล้วว่า เราคุยเรื่องความรู้สึกของใจ คุยเรื่องใจสุขใจ ใจสบายใจของใจจริงแต่จะไม่คุยเรื่องปฏิบัติ เพราะอะไร เพราะท่านสอนไว้ดีอยู่แล้ว และทุกคนต่างมีโอกาสศึกษาในสิ่งนี้อยู่แล้ว พี่จึงไม่คุย เราไม่คุยในสิ่งที่ท่านสอนไว้ดีแล้ว เราก็บอกทุกวันว่าที่คุยเนี่ย คุยด้วยใจรักจริง จริงใจจริง คุยให้ใจ ใจสบายใจกัน มีความตั้งใจจริงแค่นี้เองจริง ไม่คิดมาเอาอะไรกับใครทั้งหมด เหนื่อยอีกต่างหาก ต้องตื่นมาคุยทุกวันสองปีครึ่ง ถ้านับก็เกือบพันเรื่อง คุยอย่างน้อยตอนเช้าเกือบสองชั่วโมงกว่า จนนิ่วล๊อคก็มี ต้องแงะนิ้วมือออก 55
เออ..แต่ก็คุย มีคนภายนอกไม่ถูกใจ ไม่พอใจ เขียนว่าก็มี ก็เข้าใจ ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็ขอพูดบ้าง พี่ก็คนไม่ใช่ตอไม้ ขอพูดตรงๆบ้าง เราเจอของเรามา เรามีของใจเราเองจริง จริงในใจสุขใจจริง จริงตามพระท่านจริง และพบจริงในสิ่งนี้ของใจตัวเองจริง จริงตามพระท่านจริง และคุยตามไปตามท่านให้คุย พี่ก็เอาของๆพี่อย่างนี้ ตามความสุขใจของใจจริง
ใครก็ไม่ใช่พ่อพี่ เขาเป็นใครช่างเขา เราไม่สนใจ อยากด่าอยากว่า ก็ว่าไป เราคุยตามพระท่านให้คุย สุขใจดี พี่ถืออยู่อย่างว่า ตายแล้วรู้เอง
วันนี้คุยอะไร ก็คุยเรื่องนี้ "ดวงใจที่สงบสุขใจจริง คือดวงใจของใจเราจริง คือตัวใจของตัวเราเองจริง" เราพบอย่างนี้ของใจเราเองจริง ตัวเราเองจริงๆ มีแค่นี้เองจริง จริงในตัวใจของตัวเราเองจริง
ใจคือนามธรรม ไม่มีรูป ว่างไม่มีขอบเขต
ใจคือความรู้สึก ว่างๆ สงบเย็น อิสระ เบิกบาน
เราคือผู้รู้ รู้คือรู้สึก รู้สึกจริง จริงในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง เรามีเรา เรามีจริง เรามีของตัวเราจริง มีจริงๆ มีแค่นี้เองจริง จริงในความจริงของใจ ใจในความจริง..จริง
พี่ถึงขอกล่าวว่า ดวงใจที่สงบสุขใจจริงคือดวงใจของใจเราจริง คือตัวใจของตัวเราเองจริง ด้วยสิ่งนี้คือจริง จริงในความจริง..จริง
ใครจะด่าก็ด่า ช่างเค้า พี่ไม่ได้มาคิดสอนใคร พี่แค่คุยให้อ่านเล่นๆเพลินๆใจ ก็คนดีๆคงเข้าใจในความหมายนี้น้อ. เขาคงเข้าใจในคำว่า คุยเล่นๆ ก็อย่ามาอะไรกับพี่ พี่พูดตรงๆ ตัวพี่ไม่ได้กลัวใคร เราถือใจ ใจจริงใจจริง ไม่คิดร้ายใคร ก็เอาแค่นี้ของใจพี่จริง ใครมายุ่ง ขอโทษนะครับ ถ้าไร้สาระพี่ก็นั่นเหมือนกัน ก็ต้องเอาหน่อยจะได้ไม่มีกรรมมากกว่านี้ ครับ ก็ว่ากันไป
สามสิบกว่าปีที่ทำกรรมฐานมา ก็ผ่านอะไรๆมาเยอะ สุดท้ายมาพบความจริง..จริง ว่า กายกับใจเป็นคนละส่วนกันจริง นิพพานมีแค่นี้เอง ตัดขันธ์๕ ตัวเดียวเองจริง เห็นชัดจริง มั่นใจจริง อยู่จริง จริงในความจริง..จริง แค่นี้เอง ในส่วนจริงของใจ ใจในความจริง..จริง จิตว่างจากการเกาะกายจริง มั่นคงจริงความจริงของใจ ในความรู้สึกจริงของตัวใจจริง ใจในความจริง..จริง ในความเป็นผู้รู้ ผู้มีธรรมอันว่างอย่างยิ่ง ในความรู้สึกว่างๆ สงบ เย็น อิสระ เบิกบานเองจริง จริงของใจ ในตัวใจ ตัวเราเองจริง เราจริงๆ เราเองจริงๆ จริงในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง สงบสุขใจจริงที่ใจในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง จิตไม่เกาะร่างกายนี้ ไม่เกาะร่างกายคนอื่น ไม่เกาะวัตถุธาตุต่างๆ ไม่ติดในสิ่งต่างๆทั้งหมด อิสระจริง สงบเย็นใจจริง เบิกบานใจจริง จริงในตัวใจ ในภายใน ในความรู้สึกจริงของตัวใจเราเองจริง
ใจกับกายเป็นคนละส่วนกันจริง ขันธ์๕ ร่างกาย รูปกาย เวทนาทางกาย ความคิด ความจำ อารมณ์ที่มาจากร่างกาย อาการทางกาย ระบบประสาททางกาย ทุกอย่างของร่างกาย มันเป็นคนละส่วนจริง จริงกับความจริงของตัวใจเราเองจริง
เราไม่มีในมัน มันไม่มีเราจริง มันไม่ใช่ตัวเราจริง มันไม่ใช่ของๆเราจริง
เราคือเรา เราคือใจ เรามีจริงแค่ความรู้สึกจริง จริงของตัวใจเราเองจริง ว่างไม่มีขอบเขต สงบเย็น อิสระ เบิกบานจริง สิ่งนี้คือตัวใจเราจริง เราเองจริงๆ จริงในความจริง..จริง เราสงบสุขใจจริง จริงที่ใจในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
ยามที่เคยยึดเกาะกาย จะหาคำว่าใจ ใจสงบสุขเย็นๆใจ อิสระใจ ใจสบายใจของใจจริงๆไม่มี ทุกข์ใจไปกับรูปกายที่ยึดถือในมัน ทุกข์ใจไปกับการยึดถือเวทนาทางกาย ทุกข์ใจกับการยึดมั่นถือมั่นในความคิดเห็น ในสิ่งต่างๆของการเกิด ของการมีร่างกาย ทุกข์ใจไปกับความจำ จำในสิ่งต่างๆของการเกิด ของการมีร่างกาย ทุกข์ใจไปกับอารมณ์ที่มาจากการเกิด มาจากการมีร่างกาย อาการธาตุขันธ์ที่มันแปรปรวนของร่างกาย ทุกข์ใจไปกับสิ่งต่างๆที่ไปยึดถือในร่างกายนี้ ในร่างกายคนอื่น ในสิ่งต่างๆในโลกนี้ ในเรื่องราวต่างๆที่เกิดจากการมีร่างกาย หาใจสงบสุขเย็นๆใจจากการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนี้ของมันไม่มี ทุกข์ใจไปกับอุปาทานของจิต ที่เกาะยึดทึกทักเองเออเองในมัน ทุกข์ใจไปกับความอยากของจิต ไปกับความชอบ ไปกับความไม่ชอบ หาใจสงบสุขเย็นๆใจในสิ่งนี้ไม่มี
ทุกอย่างล้วนมาจากความไม่รู้จริง จริงในความจริง จริงอย่างเดียวนี้จริงว่า ใจกับกาย ในความจริง..จริงๆ เป็นคนละส่วนกันโดยสิ้นเชิงจริงๆ ตัวเราจริงๆคือใจ เรามีเรา เรามีของๆเราจริง จริงในความจริง จริงๆมีจริง มีแค่นี้เอง ความรู้สึกว่างๆ สงบเย็น อิสระ เบิกบาน ในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
ในส่วนนี้พี่เห็นของๆพี่แค่นี้ เรามีแค่นี้ของตัวเราเองจริง เราในความจริง..จริง ดวงใจที่สงบสุขใจจริงคือดวงใจของใจเราจริง คือตัวใจของตัวเราเองจริง ตรงกับที่พระท่านเคยมาสอนตอนปี 37 ว่า
"เริ่มต้นของจิตไม่มี สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือความว่างเปล่า สุขทั้งหมดมีอยู่จริงที่ใจ ใจของใจเราเองจริง"
ท่านมาสอนแค่นี้ แล้วท่านก็หายไป
มีครั้งหนึ่ง ท่านเดินทะลุประตูห้องเข้ามา มาถึงเอามือท่านมาวางที่หน้าอกพี่ ท่านพูดว่า
"ร่างกายนี้มันไม่ใช่ตัวเราจริง เราจริงๆคือใจ ใจเป็นนามธรรม ไม่มีรูป ว่างไม่มีขอบเขต"
พอท่านพูดจบ ในใจพี่รู้สึกอย่างนี้ตามท่านพูด ในภายในรู้สึกว่างไม่มีขอบเขตจริงเองจริง รู้สึกถึงความสงบเองจริง เย็นๆใจเองจริง ใจสบายใจเองจริง จริงที่สุดจริง จริงของตัวเราเองจริง
ท่านเมตตาสงเคราะห์ให้พี่รู้ว่า ตัวเราจริงๆมีจริง มีแค่นี้เอง
แล้วต่อมาท่านพูดกับพี่ว่า "ที่เธอทำมาทั้งหมดมันอ้อม ทางตรงจริงๆ มีจริงแค่ใจ ใจตัวเดียวนี้เองจริง" พูดจบแล้วท่านก็หายไปต่อหน้า
พี่ประสบของพี่มาอย่างนี้ มีอีกหลายครั้งที่เจอด้วยตัวเอง ออกจากร่างกายนี้ไปพบจริงในความจริง..จริง เรื่องบางเรื่องในตำราไม่มี เอามาคุย โดนเขาด่าแน่ๆ โดนแน่ๆ 555
เออ..ลำบากน้อคุยกับคน พี่ถึงหน่ายไม่ค่อยอยากคุย คุยกับผีสบายใจกว่า ง่ายด้วย ไม่ต้องคุยมาก ใช้ใจคุย เอาความจริงของใจให้เห็น คุยกับเทวดา นางฟ้า พรหมง่ายกว่าคนเยอะมากๆ แม้แต่สัมภเวสี เปรตก็ตาม ง่ายกว่าคนมากๆ เท่าที่พี่เจอมานะในทุกวันนี้
'ท่านจงดูเรา จงดูใจของใจเราจริง'
พี่เอาสิ่งนี้ให้ท่านดู ในความสงบเย็นว่าง อิสระสุขใจของตัวใจจริง จริงในความจริงของใจ ใจในความจริง..จริง ให้ท่านเห็น
'เธอจงดูเรา' เอาทั้งหมดที่ในใจเรามี มีความสุขใจจริง ในความดีของใจพระองค์ท่านจริง เอาความสุขใจจริงของดวงใจพระท่านทุกดวงใจในนิพพานของใจทุกท่านจริง มารวมเป็นหนึ่ง หนึ่งในสุขใจของใจจริง ใจในนิพพานจริง เอาสิ่งนี้มาให้ทุกท่านเห็น และสัมผัสในสิ่งนี้ของใจในใจจริง จริงในความจริงของใจ ใจสุขใจของใจในนิพพานของใจจริง
ทุกท่านเห็น ทุกท่านได้สัมผัส ทุกท่านยินดีและโมทนา ในใจทุกท่านมีใจสุขใจในใจจริง จริงตามสิ่งนี้ของใจกันจริง ใจท่านกลับถึงจริงเองจริง จริงในใจสุขใจจริง จริงตามพระท่านจริง..จริงๆเองจริง
พี่ถึงบอก คุยกับคนที่ไม่ใช่คนง่ายกว่าเยอะมากๆ คุยกับคน ถ้าคุยในสิ่งที่เขาไม่เห็นเหมือนเรา เขายึดในสิ่งที่เขารู้ เขาด่าเราในสิ่งที่ในใจเรามีจริง เห็นจริง อยู่จริง จริงในความจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง จริงในใจสุขใจจริงของใจกันจริง ใจในนิพพานจริง
ถ้าเอาตรงนี้มาคุยก็หาว่านอกครูบาอาจารย์ ยากน้อคุยกับคน
วันนี้ขอบ้าวันนึง ก็คุยบ้าๆของพี่ ใครอ่านแล้วมาว่ามาด่า คุณต้องคิดหน่อยน่ะ ผมบอกคุณแล้วว่า นี่คนบ้าคุย ถ้าคุณมาว่าคนบ้าก็ต้องกลับมาดูตัวเองว่าสติดีเปล่า มาด่าคนบ้า จริงไหมถามตัวเองกัน
ก็อ่านเล่นๆกันน้อ แก้เซ็ง คนบ้าคุยก็อย่าไปอะไรมาก ความจริงมีอีกแต่ไม่กล้าคุยมาก เดี๋ยวจะทำให้คนดีๆเขาอึดอัดใจว่าพี่เอาอะไรมาคุย ปล่อยมันลงนรกไป พี่กลัว กลัวจัง กลัวลงนรก อย่าคุยเลยน้อ
มาถึงตรงนี้พี่ก็ขอกล่าวว่า #สุขอื่นยิ่งกว่าสงบไม่มี #สุขทั้งหมดก็มีอยู่แล้วที่ใจ #ใจของตัวใจเราเองจริง จริงที่ใจ ในความรู้สึกจริง จริงของตัวใจเราเองจริง จริงในความรู้สึกว่างๆ สงบเย็น อิสระ เบิกบาน ในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
ทุกข์ใจก็มาจากเราไม่รู้จริงในความจริงของตัวใจเราเองจริง ไปยึดเกาะกาย กายนี้ กายคนอื่น และวัตถุธาตุ และสิ่งต่างๆทั้งหมด ว่ามันมี มันเที่ยง มันสุข มันเป็นเรา มันเป็นของๆเรา เรามีในมัน มันมีในเรา ทุกข์ใจในความยึดมั่นถือมั่นในมัน ทุกข์ใจในอุปาทานของจิต ที่ยึดทึกทักเองเออเอง ทุกข์ใจไปกับความอยาก ความปรารถนา ความดิ้นรนของจิตตน ทุกข์ไปกับการยึดติดในความคิดเห็น ในความชอบ ในความไม่ชอบ ในความจำ ในอารมณ์ปรุงแต่ง ยึดในสิ่งเหล่าๆนี้ว่ามันเป็นเรา
ทั้งๆที่จริง จริงในความจริง..จริง เรามีเรา เรามีจริง จริงแค่ใจ ใจตัวเดียวจริง จริงในความรู้สึกจริงของใจ ในภายใน ในตัวใจของตัวเราเองจริง
ใจคือความรู้สึก สงบคือสุขจริงของใจเราเองจริง จริงที่ใจ ในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
ความเศร้าหมองย่อมไม่มีแก่กับบุคคลที่มีสติสมบูรณ์ ไม่ประมาทในมุนี(รู้ดี)ว่า เราเป็นผู้มีธรรมอันว่างอย่างยิ่ง
ธรรมคือความจริง จริงในความเป็นธรรมดาจริง จริงของใจ ใจในความจริง..จริง จริงในความรู้สึกจริง จริงของตัวใจเราเองจริง
การเกิดมีแต่ทุกข์ การไม่เกิด การไม่มีร่างกายนี้อีกต่อไปจริง เป็นสุขอย่างยิ่งจริง จริงของตัวเราเองจริง จริงด้วยใจ ในตัวใจของใจเราเองจริง จริงด้วยความดีของใจพระท่านจริง ดวงใจพระองค์ท่าน ดวงใจพระนิพพาน ดวงใจพระคือดวงใจวิเศษสุดยิ่ง มีคุณยิ่ง ดีที่สุดจริง จริงของใจเราจริง
ใจอยู่จริงกับใจพระท่านจริง ใจเรารู้สึกสงบสุขใจยิ่ง อบอุ่นสุขใจจริง นิ่มนวลเย็นใจจริง สงบสุขใจที่สุดจริง จริงของใจเราจริง จริงด้วยความดีของใจพระท่านจริง สงบสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง ใจสงบสุขใจนี้ดีที่สุดจริง จริงของใจเราจริง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งที่สุดจริง จริงของใจเราเองจริง ใจเรารักใจพระจริง ยอมจริงในความดีของใจพระท่านจริง ใจเชื่อใจพระจริง ใจอยู่จริงในความดีของใจพระท่านจริง ด้วยใจมั่นใจจริง เชื่อจริง มั่นคงจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง จริงของใจ ที่ใจของใจเราจริง
ใจเราอยู่จริงด้วยความรู้สึกจริงของใจ ใจสงบสุขเย็นๆใจ อบอุ่นสุขใจในความดีของใจพระท่านจริง ใจพอใจจริงในสิ่งนี้จริงของใจตนจริง พอในสงบสุขนิพพานจริง สิ่งนี้จริงของใจคือสิ่งที่ดีที่สุดจริง จริงของใจเราจริง จึงเอาจริงแค่นี้จริง ใจอยู่จริงมั่นคงจริง ในใจสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง จริงอย่างเดียวจริง จริงของใจที่ใจ ในภายในของใจเราจริง ดวงใจที่สงบสุขใจจริงคือดวงใจของใจเราจริง คือตัวใจของตัวเราเองจริง #ใจสุขที่สุดจริงคือใจสงบสุขใจจริง #จริงในความดีของใจพระท่านจริง เราจึงอยู่ของๆเราจริง จริงแค่นี้จริง จริงของใจเราจริง..จริง
อ่านแล้ว ลองกลับมาดูในสิ่งนี้ของใจตัวเองกันนะครับ ใจคุณจะสุขใจจริง หรือจะทุกข์ใจก็อยู่ที่ตัวของตัวคุณเองจริง กลับมาอยู่จริงกับความจริง จริงของใจในใจจริง กลับมาอยู่จริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง ใจใครอยู่จริงในสิ่งนี้จริง ครับ..แล้วดีเอง
ก็คงพอเข้าใจน่ะครับที่คุย ส่วนคนนอก ใครอ่านแล้วไม่ชอบใจ จะด่าก็ไม่ว่าอะไร ตามสบาย แต่จงจำไว้ คุณไม่ใช่พ่อ คุณไม่ใช่ความสุขของผม สุขของผมอยู่ที่ใจผม สุขของผมอยู่ที่ใจพระท่าน สุขใจของผมอยู่จริงที่ใจ ใจรักใจผมจริง ผมเอาของผมแค่นี้จริง ผมไม่สนใจคนไม่รักใจผมจริง
ก็ตามสบาย ใครอ่านแล้วชอบก็เอา ไม่ชอบไม่ต้องอ่าน ตรงๆกันน้อ สบายใจดี ขอบคุณนะครับ รักนะทุกคน ใจสุขใจในใจกัน
ดวงใจที่สงบสุขใจจริงคือดวงใจของใจเราจริง คือตัวใจของตัวเราเองจริง จิตรู้เป็นอารมณ์จบ รู้จริง จริงในความจริง..จริง รู้จริง จริงในความรู้สึกจริงของใจจริง จริงในสุขจริงของใจ ใจในความจริง..จริง มั่นคงจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง ใจสงบสุขใจยิ่งจริงในความดีของใจพระท่านจริง จริงเป็นหนึ่งจริง จริงในความรู้สึกจริงของใจจริง ครับ..ตายแล้วรู้เอง ในสิ่งนี้เองของใจเราเองจริง
ใจสุขใจในใจกันนะครับ..ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น