นิ่งสงบไว้..ดีเอง
นิ่งๆๆ..แค่สั้นๆๆ..แต่นิ่งบ่อยๆๆ...ดีเอง
นิ่ง..ว่างจากกิเลส..แม้ชั่วขณะจิตหนึ่ง..ดีเอง
จิตชินอยู่กับสงบสุขใจของใจจริง
จิตตั้งเองจริงอยู่จริงในสิ่งนี้จริงเอง..ถึงเอง
ใจสงบสุขใจในสงบนิพพานบ่อยๆๆ...ดีเอง
สุขที่สุดของใจคือ..พระนิพพาน
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครทั้งหมด..จิตดวงใดทั้งหมด
ที่สุดก็ต้องมาจบที่ตรงนี้เหมือนกันหมด
ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง..ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ด้วยนี่คือที่สุด..ที่สุดของใจ
ใจสุขที่สุดมีสิ่งนี้สิ่งเดียวของใจ...จริง
โดยธรรมชาติของจิต..จิตทุกๆดวงจิต
ล้วนมีธรรมชาติเหมือนกันหมด
คือ.รักสุข..เกลียดทุกข์
นี่คือความจริงของจิต..ในจิตทุกดวงจิต..จริง
จึงไม่มีจิตดวงใดที่จะทนกับทุกข์ได้ตลอด..ไม่มี
จึงไม่มีจิตดวงใดจริง.ที่ไม่ต้องการสุขจริง..จริงๆ..ไม่มี
นี่คือความเป็นปกติธรรมดาจริง
แม้แต่พี่เอง
สุดท้ายจิตทนทุกข์ของจิตต่อไปไม่ไหว
ทุกข์สักนิดหนึ่งก็ไม่ต้องการมีอีกต่อไป
จึงหันกลับมา
มาเอาจริงในสงบสุขใจจริง..อิสระใจจริง
ใจสบายใจที่สุดจริง..ของใจอย่างเดียว...จริง
ที่สุดของใจสุขใจจริง..มีที่เดียวจริงคือ..พระนิพพาน
ใจเลยไปตั้งเองอยู่เองของใจตัวเอง...จริง
ไม่ต้องดิ้นรนทำอะไร..ไปเองจริง
ตามความพอใจจริงของจิตตน...จริง
ที่ต้องการจริงในสุขจริงของใจตนจริง...อย่างเดียว...จริง
นี่คือธรรมชาติจริงของจิตจริง
สุดท้ายกลับมา..มาเอาแค่นี้ของจิตจริง
สุขที่สุดจริงของใจจริง..อย่างเดียวจริง
เราเคยเล่าให้ฟังว่า...
มีอยู่ครั้งหนึ่งประมาณปี.37
ตอนนั้นบวชอยู่..ใจมีความตั้งใจในการปฏิบัติ
แต่น้อ..มุ่งเอามรรคผล..อยากถึง..อยากสำเร็จ
ไม่ได้เป็นเหมือนปัจจุบันตอนนี้..ไม่เอาสักอย่างเดียว
อะไรๆก็ไม่เอา
ใจเอาจริงแค่ใจ..ใจสุขใจของใจจริง..อย่างเดียว..พอแล้ว
ใจไม่เกิดจริงพอแล้ว
ใจอิสระใจจริงพอแล้ว
ใจสบายใจของใจจริง..พอแล้ว
ตอนนั้นจิตยังไม่เอายั่งงี้
ทุกข์รู้..แต่ยังทนได้
ทุกข์ของความปรารถนา..ไม่เห็น
ไม่เห็นทุกข์ของจิตในสื่งนี้
เห็นแต่ทุกข์หยาบๆๆของร่างกาย..ของสิ่งที่มันเป็นทุกข์
แต่ทุกข์ในความโง่ของจิตตน..ยังเห็นไม่ชัด
ทุกข์ในความปรารถนาดี..ในจิตที่ติดในความอยากดี
อยากช่วย..อยากทำ..มองไม่เห็นในตอนนั้น
จิตจึงมีแต่ความตั้งใจทำด้วยความอยากดี
อยากจบ..อยากเป็นพระอรหันต์..อยากเข้าป่า
อยากช่วยงานพระ..อยากอย่างเดียวยั่งงี้
จริงๆ..ไม่เห็นโทษของความอยากนี้ของจิต
ตอนนั้นช่วงปี37
คืนหนึ่งนั่งสมาธิในห้อง
ตั้งใจทำ..ใจจับภาพพระ..ภาวนา..พิจารณาตามตำราเป๊ะ
ว่าไปด้วยพิจารณาตามความคิด
อาศัยตัวคิด..คิดในเรื่องร่างกาย..ในความไม่เที่ยง
ในความทุกข์..ในความว่างเปล่า..คิดอยู่ยั่งงี้
เออ..แทนที่จะสงบสุขใจ..เย็นใจ..สบายใจ
เปล่า...ด้วยใจไม่วางใจตามพระท่านจริง
ทำด้วยความอยากให้จิตมันถึง..มันสำเร็จ..มันดี
สุดท้ายทำไปทำมา..เริ่มเครียด..จิตเริ่มเครียด
ร่างกายนั่งนานเริ่มตึง..ปวดขา..ชักทนไม่ไหว
เออ..น้อ..เนี่ยกรรมฐานโง่..โง่ของพี่น้อ
ตอนนั้น..แทนที่จะเอาใจสุขใจ..สงบ..สบายใจในใจจริง
กลับมุ่งทำด้วยความอยาก..อยากให้สำเร็จ
อยากถึงความเป็นพระอรหันต์
บวชอยู่..จิตหวังสูง
เออ..นี่ผ่านมาแล้วในสิ่งนี้..จึงเห็นความผิดพลาดชัดเจน..จริง
ครับ..ตอนนั้นพอรู้สึกเครียด..ไม่ไหว..ทำต่อไม่ไหว
เลยนึกในใจ..เอนหลังพักหน่อยดีกว่า...สบายๆดีกว่า
ใจเลยผ่อนลงมา..ไม่คิดอะไร...ไม่เอาอะไร..พอใจ..ใจสบายๆๆจริง
พอหลังพิงข้างฝา
ข้างในใจ..แปลกดี..กลับรู้สึกว่างๆๆ..สว่างในใจเอง
มีความรู้สึกผุดขึ้นมาเองว่า...
จิตรู้ในความเป็นกลาง..จิตรู้เป็นอารมณ์จบ
ใจสงบอิสระสบายใจเองจริง
ในความรู้สึกว่างๆๆจริงของใจเราเองจริง
อ๋อ..จบตรงนี้เอง
ตอนนั้นยังไม่เห็นชัดใจแจ้งจริงเหมือนตอนนี้
แค่อ๋อ..ยั่งงี้เอง
สงบสบายใจ..ว่างๆยั่งงี้เองคือจบของจิตจริง
แต่แปลกดี..พอสงบว่างสบายใจเองยั่งงี้
อยู่ๆ..จิตกลับรวมตัวกัน..นิ่งสงบเป็นหนึ่งเอง
เคลื่อนออกจากร่างกาย
เหมือนเต็มกำลัง..เหมือนมโนมยิทธิเต็มกำลัง
ความรู้สึกชัดมากๆๆ
หลุดออกจากร่างกาย..ชัดมาก
ตัวเราเหมือนเดินออกจากร่างกาย
มีสภาพเหมือนคนตาย..ที่ออกจากร่างกายนี้จริง
ภาพที่เห็นชัดมาก
ของพี่แปลกอย่าง..เวลาออกจากร่างกาย
จะไม่มีตัวเองมีรูป..มีแต่ว่างๆ..รูปกายไม่มี
แต่พอนึกว่ามี..เห็นเป็นกายพระวิสุทธิเทพ
ชัดมาก..เพชรระยิบระยับ
ความจริงตัวในพี่รวยมากเลยน่ะ55...แต่ต้องรอตาย
ตอนนี้น่ะ..ก้มหน้าทำงานไป..ไม่ทำอด..เงินไม่มี55
ก็จิตก็พุ่งขึ้นไปเอง
ไม่ไปเหมือนคนอื่นเขา..ที่จิตเขาถึงเลยในนิพพาน
ของพี่แปลกดี
พุ่งทะเลเพดานห้อง..พุ่งทะลุหลังคาห้อง
พุ่งลอยขึ้นบนท้องฟ้า..ออกนอกโลก
เห็นดวงดาวมากมาย
ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆๆ..จนสุดขอบจักรวาล
เห็นทางสีขาวๆๆ
มีความรู้สึก..เนี่ยทางสามแพร่ง
ทางไปนรก..ไปสวรรค์..ไปพรหมโลก
แล้วจิตพุ่งขึ้นไปสูงขึ้นไป
อยู่ๆ..มานั่งที่แท่นนั่ง..นั่งข้างๆหลวงพ่อท่าน
ในวิมานของสมเด็จพ่อองค์ปัจจุบัน
ในใจรู้สึกเองว่านี่คือวิมานของพระองค์ท่าน
องค์ท่านสวยงามมาก เสียงท่านไพเราะมาก
ท่านตรัสเรื่องที่จิตพี่เคยสงสัย..ท่านตรัสเอง
จนพี่หมดสงสัยในเรื่องที่จิตมันคาอยู่..สงสัยในเรื่องนี้อยู่
ตอนนั้นในใจ..สุขใจที่สุด
พระนิพพานสุขยั่งงี้เอง..บรรยายไม่ถูก
สุขใจจริงๆ..อิสระใจจริงๆๆ..เบาสบายใจที่สุดของใจเราเองจริง
ในใจรู้สึก..นี่คือที่สุดของใจในสุขใจของใจจริง..จริงๆๆ
ยิ่งกว่านี้ไม่มีแล้ว..นี่ที่สุดของสุขของใจ..จริงๆๆ
พอสักพัก..พระองค์ท่านทรงตรัสกับพี่ว่า....เธอจงมองลงไป...
พี่มองตามท่านตรัส
มองลงมา..เห็นโลกของเราอยู่ไกลจากพระนิพพานมากๆๆ
เล็กนิดเดียวจริง
สูงจากโลกขึ้นมามากๆ..เห็นเป็นชั้นของสวรรค์
มีเทวดา..นางฟ้าท่านอยู่
แล้วเห็นชั้นพรหมโลก..สูงขึ้นมาจากชั้นสวรรค์มากๆๆ
เห็นสามโลกนี้ชัดมาก
โลกมนุษย์...เทวโลก..พรหมโลก..
พอเห็นยั่งงี้...พระองค์ท่านทรงตรัสถามพี่ว่า
โลกทั้งสามนี้...เธอต้องการไหม
ในใจตอนนั้นรู้สึก
อยู่ที่พระนิพพาน..ใจเราสุขใจที่สุด..จริงๆๆ
อะไรจะสุขใจยิ่งกว่านี้...ไม่มี
นี่คือที่สุดของใจเราจริง
ใจว่างไม่มีขอบเขต
รู้สึกว่างมหาศาลจริง..ไม่มีขอบเขต..จริง
ใจสงบสุขใจจริง
ใจอิสระใจที่สุดของใจเราจริง
ใจรู้สึกสบายใจที่สุดจริงของใจเราจริง
แต่ตอนนั้นยังโง่..ยังไม่รู้ในความจริง
ว่าสิ่งนี้จริงๆ..คือตัวใจเราเองจริง..จริงในความจริง..จริง
ก็เราไปนิพพานด้วยตัวใจเราอง
ใจรู้สึกในใจยั่งงี้..นี่คือตัวของเราเองจริง
บุญน้อยตอนนั้น..ติดโง่มาหลายปี
เพิ่งมาชัดใจจริง..ต้นปี55
โธ่เอ๋ย..สิ่งนี้แท้จริงคือ.ตัวเราเอง..จริง
ใจในความจริง..จริง..เป็นยั่งงี้เอง
ไม่เห็นชัด..ว่าตัวเราจริงๆคือ.ความรู้สึก
เรามีเรา..เรามีของๆเราจริง..แค่นี้จริงๆๆ
ไม่ชัดตอนนั้น
เลยเกาะอาการทางกาย..เกาะยึดในความคิด
ในความจำ..ในอารมณ์
ที่มันมาจากการมีร่างกายว่ามันเป็นเรา
โง่น้อ..หลงยึดเกาะในมัน
หาคำว่าใจ..ใจสงบสุขใจเย็นใจ..อิสระใจ
สบายใจจริงในสิ่งนี้ของร่างกายไม่มี
ติดในความอยากช่วยคน..ติดในความปรารถนาดี
ติดอยากในบุญ..ติดสงบในสมาธิจิต
เอาสิ่งเหล่าๆๆเป็นสุขของตัวเอง
ติดยั่งงี้มาหลายปี
กว่าจะเห็นในความทุกข์ของจิตตน
มาจากจิตยึดเกาะในสิ่งเหล่าๆๆนี้
ที่แท้จริง..มันไม่ใช่ตัวเราจริง..มันไม่ใช่ของๆเราจริง
ไม่ใช่สุขใจจริงของใจเราเองจริง
กว่าจะชัดใจ
ขนาดเห็นชัด..รู้ชัดในสุขจริงในใจจริง..ตั้งแต่ปี37..น้อ
กลับติดในความโง่จนมาถึงปี..55
ว่าจะชัดใจ..ว่าเราจริงๆ..ในเราจริง.. มีแค่นี้เอง..จริงๆๆ
ความรู้สึกว่างๆๆๆ.ว่างไม่มีขอบเขต
ว่างมหาศาล..ว่างสงบสุขใจ..สงบอิสระใจ..สงบสบายใจจริง
ความรู้สึกนี้คือตัวใจเราจริง
ตัวของตัวเราเองจริง..จริงในความจริง..จริง
กว่าจะแจ้งชัดจริง..เห็นจริงแค่นี้จริง
ใจมั่นใจจริงในสิ่งนี้ของใจจริง
เกือบยี่สิบปี
น้อ..พี่ผ่านมาแล้วในความผิดพลาดของจิตทั้งหมด
เราย่อมรู้..น้อ..จิตใครยังพลาดอะไร
เราผ่านมาหมดแล้ว...เรารู้ดี
แต่คุยแล้ว..หาใจคนเชื่อใจเราจริง..มีน้อยมาก
เออ..ทำไง..ก็คุยมันไป555
คุยจนกว่าใจเขาจะเห็นในสิ่งนี้ของใจเขาเอง
ก็ตามวาระบุญคน
คุยไป 555 คุยมันทุกวัน
เขายอมเมื่อไหร่..จิตเขาสงบนิพพานเอง
เรายอมเหนื่อยเพื่อสิ่งนี้ของใจทุกคน
เขาจะรู้ไหม
เราทำให้เขาหมดใจ..เพื่อใจสุขใจของใจเขาเองจริง
เขาจะกลับมาเอาจริงในสิ่งนี้ของใจเขาจริง..ให้เราชื่นใจ..มีไหม
มี..สักคนจริง..จะชื่นใจมากๆน้อ
คุยต่อ 555
พอท่านตรัสถามว่า...โลกทั้งสามนี้..เธอต้องการไหม
ใจพี่นิ่งดู..ดูในใจตัวเองจริง
ใจอยู่ที่พระนิพพาน
ใจในใจเราจริง..ใจสุขใจที่สุดจริงของใจเราเองจริง
จำคำนี้ไว้น่ะครับ...ว่า..ใจสุขใจที่สุดจริงของใจเราจริง
จิตเห็นแค่นี้จริง
เห็นในความจริง..จริง..แค่นี้จริง
ไม่ได้เห็นอะไรมากมาย
ไม่ได้ทำอะไรมากมาย
ใจเห็นชัดจริงในความรู้สึกจริงจากใจเราเองจริง
สุขใจที่สุดของใจเราจริง
ไม่มีสิ่งใดยิ่งไปกว่านี้ไม่มี
มีสื่งนี้สิ่งเดียวจริง..จริงของใจเราจริง
นี่คืออารมณ์ของใจคนถึงนิพพานจริง
ใจในใจ..มีแค่นี้จริง
ที่สุดของใจสุขใจจริง
เขาเอาตรงนี้ของใจจริง
สุขใจที่สุดของใจจริง
ไม่ใช่ไปทำอยากดี..อยากถึง
อยากสำเร็จ..อยากถึงความเป็นอะไร
ไอ้นี่..โรคโง่จริง..ผ่านมาแล้ว..เสียเวลา
ไม่ได้อะไร..เครียดกับมันเปล่าๆๆ
ตัวอยากทั้งนั้น
หาความสุขใจ..ใจสงบ..ใจอิสระใจ
ใจสบายใจในสิ่งนี้ของจิต..ไม่มี
นี่คือทุกข์ของจิต..ที่นักปฏิบัติทั้งหลาย
ไม่กลับมาดูในสิ่งนี้ของจิตตนจริง
มุ่งเอาแต่อยากดี..อยากถึง..อยากสำเร็จ
ไม่ยอมดู..ทุกข์ของจิตในสิ่งนี้
น้อ..ขนาดคุยแล้วทุกวัน
ยังเหมือนเดิม
ก็น้อ..ตามกรรม
กรรมมี..จิตย่อมเศร้าหมองไปกับความคิด
ความปรารถนา..ความอยากของจิต
รอสักวันหนึ่งบุญใหญ่มาถึง
จิตทนทุกข์ของจิตยั่งงี้ต่อไปไม่ไหวจริงๆๆ
เขาหยุดเอง..หยุดอยากเอง
เขากลับมายอมพระท่านจริง
ทิ้งทิฐิมานะ มั่นในความคิดเห็นของเขาเอง
เขากลับมาเอาจริงในสงบสุขใจจริง..ตามพระท่าน..จริงเอง
เราเชื่อ
เราจึงคุยทุกวันในความจริง
ใจคือความจริง
ใจคือความรู้สึก
สงบคือสุขจริงของใจจริง
พระนิพพานดีที่สุดจริงของใจจริงอย่างเดียวจริง
ยอมหน้าด้าน..คุยม้นทุกวัน.ให้จิตเขาชินในสิ่งนี้
เราเชื่อ..สักวันหนึ่ง
เขาทนทุกข์ของจิตเขาอีกต่อไปไม่ไหวจริง
สื่งที่เราคุย..จะมีค่าที่สุดจริงกับใจเขาเองจริง
เขาไม่เชื่อใจเรา ก็ปล่อยเขา
เราไม่เกิดจริง ใจเราสงบเองจริง
ใจเราถึงจริงเองจริงในใจสมเด็จพ่อองค์ปฐมจริง
ใจรวมเป็นหนึ่งจริงเองจริงในใจของใจท่านจริง
เราเชื่อ..สักวันหนึ่งสิ่งที่คุยจะกินใจเขาทุกคนเองจริง
ไม่มีใครทนทุกข์ได้นาน เราเชื่อในสิ่งนี้
เราคุยเข้าไปในจิตของเขา เขาไม่รู้ตัวเขา
ว่าที่เราคุยทุกวัน
มีกระแสจิตของเราเข้าไปจับในจิตของเขาทุกวัน
เราคุยกับจิตของเราทุกวัน ให้สิ่งนี้ฝังในจิตของเขา
รอวาระบุญใหญ่มาถึง
สื่งที่ฝังในจิตของเขา..จะมีผลชัดเองจริง
คุยไป55..น้อ
คุยต่อๆๆ555
พอท่านตรัสถามว่า...โลกทั้งสามนี้เธอต้องการไหม
พี่สุขใจที่สุดตอนนั้น..จึงกราบทูลท่านว่า...
ลูกไม่ต้องการพระพุทธเจ้าข้า
คือโลกมนุษย..สวรรค์..พรหมโลก
หมดความพอใจจริง..ไม่ต้องการจริงของใจเราจริง
ใจพอใจจริงในสุขจริงของใจ
ในนิพพานจริงอย่างเดียวของใจเราจริง
มีแค่นี้ในใจพี่จริง..ตอนนั้น
ท่านจึงตรัสมาว่า....
ก็แค่นี้แหละ...นิพพาน
น้อ..จงจำคำนี้ของท่านไว้น่ะครับ.ทุกคน
"ก็แค่นี้แหละ..นิพพาน"
ใจสุขใจพอใจจริงในสุขจริง
ในนิพพานของใจเราจริงอย่างเดียวจริง
ก็แค่นี้แหละ...นิพพาน
วันนั้นจำได้..พอท่านตรัส
ในใจสุขใจในสิ่งนี้ที่สุดจริง
แล้วจิตมันรู้สึกถึงทุกข์ของการอยู่กับร่างกาย
เลยตัดสินใจ..ไม่ยอมลง
ไม่ว่าพระองค์ท่านจะตรัสยังไง
ไม่ว่าหลวงพ่อจะบอกยังไง
เราจะไม่ยอมลงจากพระนิพพาน
ไม่ยอมกลับเข้าร่างกาย
จะอยู่ที่นี่ในพระนิพพานอย่างเดียว
ไม่สน..ท่านจะตรัสอย่างไร
หยาบน้อจิตพี่555..นี่สันดาน..ดื้อจริง
ไม่เอาใครจริง
พอรู้สึกยั่งงี้..ไงๆ..ไม่ยอมลง
อยู่ๆๆ..จิตตกลงมา..ลอยตกลงมาจากพระนิพพาน
ตอนไป.ค่อยๆลอยสูงขึ้นไป
แต่ตอนลง..555..หัวทิ่มลงมา..เร็วมาก
ลงเข้าร่างกาย เร็วมาก 555
พอเข้าเสร็จ..น้อ
ไม่น่าเลยเรา..นานๆๆจะไปได้ยั่งงี้ที
ไม่น่าดื้อเลย
แต่หลังจากนั้น..โรคโง่ยังไม่หาย
เกาะตำราเหมือนเดิม
ยึดความคิด..ความจำ...อารมณ์เป็นเรา
ติดต้องทำให้จิตสงบ..มุ่งทำอยากให้มันดี
ติดความอยากช่วยคน..ช่วยงานหลวงพ่อ..
ออกมาจากวัด..ติดช่วยงานหลวงพี่
พอท่านให้ไปอยู่กับอีกคนที่ดอนเมือง..ก็ติดต้องการช่วย
เออ..ชีวิตน้อ..มีแต่ยุ่งกับกรรมของคนอื่น..จริงๆ
ขนาดลาพุทธภูมิแล้ว..ยังติดความปรารถนาดี
จึงมีจิตยุ่งวุ่นวายแต่สิ่งนี้มาตลอด
แต่ยามที่จิตเหนื่อย..ครับ..จำได้
สุขใจจริงมีจุดเดียว..นิพพาน
ใจพี่จะไปตั้งอยู่ตรงนี้..เสมอๆๆ
ว่างๆ..สุขใจในนิพพานจริง
ใจสุขใจอยู่จริงกับใจพระท่านจริง
ตอนนั้นไม่ได้อยู่เป็นปกติของใจเหมือนตอนนี้
แต่ถ้าจิตเหนื่อย..จะพักใจอยู่ในนิพพานอย่างเดียว
สงบสุขใจ..แม้นิดเดียว..เวลาชั่วขณะจิตเดียว
จำไว้นะ..อย่าคิดว่ามันไม่มีผล
ว่างจากความเศร้าหมองจิต..ว่างๆบ่อยๆๆ
ยามเหนื่อย..ยามไม่อยากในอะไร
ช่วงเวลาอยากพักใจ
ใจกลับมาอยู่ว่างๆจริง
ในนิพพานจริงในความรู้สึกว่างๆของใจ
ในภายในของใจเราเองจริง
จิตมีสภาพจำ..จำในสุขจริงของใจนี้ได้
ถึงเวลาไม่เอาอะไรจริง
จิตไปตั้งอยู่เองในนิพพานเองจริง
โดยไม่ได้ทำอะไร..ไปเอง
วันนี้ก็ขอคุยเรื่องนี้
ใจอยู่บ่อยๆๆในที่ใจ
ใจสุขจริงของใจเราจริง..ดีเอง
จิตจำสุขใจจริงของใจเราได้
ว่าอยู่นิพพานแล้วสุขใจที่สุดจริง
สิ่งนี้สำคัญที่สุด
เมื่อถึงที่สุด..จิตทนทุกข์ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆๆ..
จิตจะกลับมา
มาเอาในสิ่งนี้จริง..อย่างเดียวจริงของจิตเองจริง
เอาจริงในสุขจริงของใจจริง
พอเอาจริง..ยอมพระท่านจริง
เห็นค่าจริงของใจ..ใจสงบสุขใจมีค่าที่สุดของตนจริง
หันกลับมารักใจตัวเองจริง จริงๆอย่างเดียวจริง
ใจจะวางใจตรงๆๆจริงตามพระท่านจริง
เชื่อใจพระพุทธเจ้าจริง
เห็นค่าจริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง
จริงจากใจจริง
ใจพอใจจริงในสุขใจของใจตนจริง
จิตที่เคยว่างสงบสุขใจ
แม้สักนิดหนึ่ง..เสี้ยววินาทีเดียวก็จริง
แต่ใจ..ใจสุขใจจริงนี้..จิตจำได้
ด้วยธรรมชาติจริงของจิตจริง..รักสุขเกลียดทุกข์จริง
เราทุกคนไม่เคยปล่อยให้จิตเดินตรงๆๆในสิ่งนี้ของจิต..จริง
กลับไปยึดเอาสิ่งนั้นเอาสิ่งนี้เป็นของดี
ให้จิตมันเดินตามที่หลงยึดถือ
ถ้าเดินตรงๆจริงในสุขใจของใจจริง
ก็มีสิ่งนี้ของจิต
ที่จิตจะกลับมาจริงเอาจริงในสิ่งนี้ของจิต..จริงเอง
ใจสุขใจที่สุดจริงของใจ..จริง
แค่นี้ของจิตจริงเอง
ก็พอเข้าใจน้อ...
การกลับมาอยู่บ่อยๆๆ
ในความสงบสุขจริงของใจจริง..เป็นสิ่งที่ดีที่สุดจริง
จิตสัมผัสสุขใจจริง..บ่อยๆ
กลับมาเอง..กลับมาเอาจริงในสิ่งนี้ของจิต..จริงเอง
เหมือนพระอรหันต์ 7 องค์ที่หลวงพ่อท่านเคยเล่า
นานแล้ว...ท่านเล่าว่า
มีพระมาฝึกมโนมยิทธิที่วัด
แล้วมากราบลาท่านเพื่อไปธุดงค์ที่เชียงราย
ท่านให้ลูกแก้วกับพระท่าน
พระท่านไปพักที่สำนักสงฆ์ที่เชียงราย
ท่านก็ใช้ชีวิตปกติของพระ..สวดมนต์
บิณฑบาตร..กวาดลานวัด
ท่านไม่ได้ทำกรรมฐานเคร่งอะไร
หลวงพ่อเล่าว่า..ทุกท่านก็ใช้มโนมยิทธิ
ไม่ได้เห็นชัดอะไร..มีแต่ความรู้สึกของใจ
มโนมยิทธิครึ่งกำลัง
เหมิอนพี่ตอนนี้
ของพี่มโนมยิทธิเสี้ยวกำล้ง 5555
ไม่เห็นอะไรเลย..มีแต่ความรู้สึก
เนี่ย..มั่วเก่ง55
ว่าไปตามความรู้สึกของใจอย่างเดียว..จริงๆ
ไม่สงสัย..เชื่อใจพระท่านจริง
ถือเอาใจสุขใจจริง..ว่างอิสระ
ใจสบายใจของใจจริง..พอ
พี่เอาตรงนี้ของใจพี่จริง
เรื่องเห็นภาพ.ไม่สน สิ่งนี้โดนหลอกได้
แต่สื่งที่หลอกเราไม่ได้จริง..คือใจ
ในความรู้สึกจริงของใจเราจริง
ใจสงบสุขใจจริง
ใจมั่นคงจริงในความดีของใจพระท่านจริง
ใจรักจริง..จริงใจจริง..เชื่อใจจริง
พี่เอาตรงนี้ของใจพี่จริง
คือมโนมยิทธิของใจพี่เองจริง
ความรู้สึกจริง..รู้จากใจในใจ..ใจพระองค์จริง..พอ
เราเชื่อใจพระองค์ท่านจริง
ใจสุขใจจริงในใจพระองค์ท่านจริง
ในความรู้สึกของใจจริง
พี่เอาตรงนี้ของใจพี่จริง
รู้สึกยังไง..ตามนั้นเลย
เราไม่ได้อยากรู้..อยากเห็นอะไร
เราไม่ได้สนใจในสิ่งต่างๆ
ช่างมันจริง
พอแล้วจริง
เราพอใจจริงแค่ใจ
ใจสุขใจของใจเราจริง..พอ
นี่แหละ..มโนมยิทธิของใจ
ใจรู้จากใจพ่อ..พอแล้ว
ว่าตามท่านจริง..พอ
คุยต่อ..
หลวงพ่อท่านเล่าว่า
ทุกท่านก็ใช้มโนมยิทธิครึ่งกำลัง
ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งหมด..จะพูด..จะคุย..จะสวดมนต์
จะทำงานในวัด...จะนั่งสมาธิ
ใจท่านตั้งอยู่แค่นี้
ใจตั้งอยู่ในพระนิพพานอย่างเดียวของใจท่านจริง
ด้วยความรู้สึกจริงในใจท่านเองจริง
ท่านไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้..ทำแค่นี้จริงๆ
เอาใจไปอยู่กับพระ
ในพระนิพพานของใจท่านอย่างเดียวจริง
หลวงพ่อท่านบอก.วาระบุญใหญ่มาเข้าถึงพอดี
อยู่ๆจิตท่านจบเอง..เป็นพระอรหันต์ทั้ง.7 องค์
ท่านจบแบบท่านไม่รู้ตัว
อยู่ๆใจท่านสงบสุขใจเอง..นิ่งสงบเอง
ใจอยู่เองของใจเองในนิพพานเอง
สาธุครับ
นี่มาจากอะไร
จิตพอใจเองในสุขใจที่สุดของใจจริง
ในนิพพานอย่างเดียวจริง
ท่านฉลาดน้อ..ใจเอาจริงแค่นี้จริง
ไม่คิดมากเหมือนพวกเราน้อ
จะคิดไปถึงไหน..ไม่รู้หรือ..นิพพานสุขที่สุด
ไปทำอะไรกันมากมายน้อ
ท่านเอาแค่นี้
จิตไปตั้งอยู่เป็นปกติจริง
ในนิพพานของใจท่านจริง..อย่างเดียวจริง
ดูท่านเป็นตัวอย่างกัน
ทางตรงจริงของใจจริงๆๆ.มีแค่นี้
สิ่งใดคือใจ..ใจสุขใจที่สุดจริง
จิตเอาของจิตจริงเอง
ไม่เชื่อ..วางใจตรงๆตามนี้ดู
แล้วดีเอง...
นิ่งสงบไว้..ดีเอง
นิ่งๆๆ..แค่สั้นๆๆ..แต่นิ่งบ่อยๆๆ...ดีเอง
นิ่ง..ว่างจากกิเลส..แม้ชั่วขณะจิตหนึ่ง..ดีเอง
จิตชินอยู่กับสงบสุขใจของใจจริง
จิตตั้งเองจริงอยู่จริงในสิ่งนี้จริงเอง...ถึงเอง
ใจสงบสุขใจในสงบนิพพานบ่อยๆๆ...ดีเอง
สุขที่สุดของใจคือ..พระนิพพาน
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครทั้งหมด..จิตดวงใดทั้งหมด
ที่สุดก็ต้องมาจบที่ตรงนี้เหมือนกันหมด
ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง..ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ด้วยนี่คือที่สุด..ที่สุดของใจ
ใจสุขที่สุดมีสิ่งนี้สิ่งเดียวของใจ...จริง
โดยธรรมชาติของจิต
จิตทุกๆดวงจิต..ล้วนมีธรรมชาติเหมือนกันหมด
คือ.รักสุข..เกลียดทุกข์
นี่คือความจริงของจิต..ในจิตทุกดวงจิต..จริง
จึงไม่มีจิตดวงใดที่จะทนกับทุกข์ได้ตลอด..ไม่มี
จึงไม่มีจิตดวงใดจริง.ที่ไม่ต้องการสุขจริง..จริงๆ..ไม่มี
นี่คือความเป็นปกติธรรมดาจริง
พอเข้าใจนะที่คุยมา
อยู่บ่อยๆๆ..ในที่ใจ..ใจสุขใจของใจจริง
ด้วยความรู้สึกจริงของใจเราจริง
ดีเอง
ค่อยๆวางใจตามพระท่านไปนะครับ
ทางตรงจริงของใจจริง.. มีจริงแค่นี้..จริงๆ..
ใจสุขใจที่สุดของใจจริง
จิตเอาของจิตจริงเองในสิ่งนี้เองจริง
เอาจิตไปอยู่บ่อยๆๆ..แล้วดีเอง
เชื่อใจกันน้อ
ลองวางใจเล่นๆๆตาม..ดู
ดีก็..เอา
จาก เฟสกลุ่มมงคลธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น