ด้วยเหตุที่ บุคคลในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ใกล้กึ่งพุทธกาลเป็นต้นมา กล่าวได้ว่าปัญญาในด้านธรรมมะนั้น เสื่อมทรามลงมาก ไม่เข้าใจอย่างแท้จริงในคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
แม้ผู้ที่อาศัยผ้ากาสาวพัสตร์ของพระพุทธศาสนายังเป็นมิจฉาทิำฐิ มีความเห็นผิดเพี้ยนไปมากมาย บ้างถึงกับแบ่งพวก ตั้งนิกายใหม่ก็มี ทำให้พุทธศาสนิกชน ผู้สนใจจริงไขว้เขวไม่รู้ว่า ข้อใดเป็นความจริง สื่งใดเป็นของปลอมปน
ดังนั้น วิชชา "มโนมยิทธิ" ที่หลวงพ่อฤาษีนำมา แนะนำสั่งสอนแก่ท่านทั้งหลาย จักได้เป็นเครื่องพิสูจน์ด้วยตัวเอง รู้เองเห็นเอง ให้ได้ทั้งข้อเท็จ และข้อจริง แก้ข้อสงสัยให้ตัวเองได้
ทั้งท่าน ยังได้มุ่งหวังให้พุทธศาสนิกชน ได้เข้าถึง "ความดี" ในพระศาสนา ทั้งเปลือก สะเก็ด กะพี้ และแก่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ท่านเข้าใจได้ว่า การรักษาอารมณ์พระอริยเจ้า มีอารมณ์พระโสดาบัน เป็นต้น เพื่อการหนีนรกและอบายภูมิ อย่างถาวรนั้น ไม่ยากเลย
วิชชานี้ จะพิสูจน์ได้ด้วยว่า "ธรรมะของพระพุทธเจ้าเหมาะสมทุกยุคทุกสมัย ตายแล้วไม่สูญ นิพพานไม่สูญ นรกสวรรต์ นิพพานมีจริง ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว" จริง และยังช่วยพิสูจน์เตือนสติได้ว่า ตนเคยทำชั่วอะไร แล้วอยู่ในนรกขุมไหนมาบ้าง ทนทุกข์ทรมานอย่างไร จะได้เกรงกลังบาปกรรม เลิกกระทำเสีย
เพราะการอ่านตำราหรือฟังเขาเล่าอย่างเดียว ไม่พอที่จะช่วยให้เรารู้จริง ไม่เกื้อหนุนให้เราหนีนรกได้
ประการสำคัญ การรู้การเห็นดังกล่าว จะช่วยให้ท่านทำตนเป็นผู้ยอมรับนับถือกฎธรรมดาว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แต่ความตาย เป็นของเที่ยง
รู้ดำรงชีพชอบ รู้ทุกข์และทางออกจากทุกข์ ไม่ยึดติดในกิเลสตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมทั้งปวงเสีย
เห็นสภาพที่แท้จริง ของร่างกายว่า อะไรคือเรา อะไรเป็นของเรา เพื่อให้เข้าถึงพระนิพพานอันเป็นที่สุด
อีกประการหนึ่ง ที่หลวงพ่อท่านได้นำ วิชชามโนมยิทธิมาสอนนั้น ท่านบอกว่าเป็นการเตรียมบุคคลที่เหมาะสมเอาไว้รอรับ "อภิญญาใหญ่" ของรุ่นต่อไปในวันข้างหน้า คะเนว่าจะเป็นประมาณ พ.ศ. 2542 เป็นต้นไป เพื่อสืบทอดพระศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองอีกวาระหนึ่ง คล้ายสมัยพุทธกาล
"มโนมยิทธิ" นี้ อาจเรียกว่าเป็น "อภิญญาเล็ก" ก็ได้ หรือ "กึ่งอภิญญา" อาศัยการไปมาด้วยอทิสสมานกาย แต่เพียงอย่างเดียว ส่วน
ส่วน "อภิญญาใหญ่" นั้น ท่านไปไหนมาไหนกัน ก็ยกเอากายหยาบทั้งกายไปด้วย
จบเท่านี้ พรุ่งนี้จะมาเล่าคุณประโยชน์ของการฝึกมโนมยิทธินะคะ
ที่มา: หนังสือ "ฝึกมโนมยิทธิ" ตามภาพค่ะ
จาก เฟสกลุ่มมงคลธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น