"ยอมรับในกฎของกรรม"
ท่านให้คุยเรื่องนี้
นี่คือสิ่งที่สำคัญ เรายังไม่ตาย เรายังอยู่กับร่างกาย อยู่กับคน อยู่ในโลกนี้ มันยังมีสิ่งนี้มาให้ผลทั้งตัวเราเอง และทุก ๆ คนที่เกิดมาในโลกทั้งหมด หากเราไม่เข้าใจในสิ่งนี้จริง ไม่ยอมรับในสิ่งนั้จริง ของกรรมของเรา ของกรรมของคนอื่น ก็จะหาความสงบสุขใจในภายในของใจตนจริง ๆ ไม่มี ด้วยจิตดิ้นรน วุ่นวาย ไม่ยอมรับในสิ่งนี้ในกฎของธรรมดาของการเกิด ย่อมถูกดำเนินไปตามบุญไปตามบาปของแต่ละคนนี้จริง นี่คือความเป็นปกติของการเกิดจริง ต่างคนต่างมีกรรมเป็นของ ๆ ตน
ก็คุยไงดีล่ะ เอาแบบพี่น้อ ก็เกิดมาชาตินี้ อายุของร่างกายก็แยะแล้ว ก็ผ่านอะไรมาแยะ ทั้งเรื่องดีและไม่ดีก็เห็นชัด เมื่อก่อนไม่เข้าใจในสิ่งนี้และไม่ยอมรับ เราก็ทุกข์ไปกับมัน ในสิ่งที่เกิดกับเรา แต่พอมาฟังมาอ่านมาศึกษาในเรื่องของกรรม ก็พอเข้าใจ แต่ในความเข้าใจ ใจยังก้าวไปไม่ถึงจริง จริงในความจริง..จริง ก็ได้แต่วางเฉยช่างมัน แต่ภายในไม่รู้สึกถึงใจ ใจสุขใจของใจจริง
แต่วันนี้ยอมจริงในกฎของกรรมจริง ในภายในเห็นจริงในความจริง ในตัวใจจริง ในความรู้สึกว่าง ๆ สงบ อิสระ เบิกบานของตัวใจจริง ใจถึงจริงในภายในของใจพระท่านจริง ด้วยใจรักและมั่นในความดีของใจพระองค์จริง กลับรู้สึกสงบสุขใจในภายในของใจเองจริง
เราจึงเข้าใจในสิ่งนี้ ใช่..ตามคำสอนของพระองค์ท่านนี้จริง ทุกคนเกิดมาล้วนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน ใช่..จริง ใจกับกายเป็นคนละส่วนกันจริง สิ่งต่าง ๆ มันเกิดกับกายแต่ไม่มีผลอะไรในภายในของตัวใจเราจริง ใจลอยตัวอยู่เหนือสิ่งนี้เองจริง ด้วยมันเกิดกับกาย กับธาตุขันธ์ มันไม่มีในความจริง ในตัวใจจริง ในสงบสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง
ใจคือใจ กายคือกาย กรรมคือกรรม ทุกอย่างคือปกติธรรมดา เป็นอยู่อย่างนี้เอง ใจยอมรับความจริงของใจ ใจยอมรับในความเป็นธรรมดาของการเกิดของการมีร่างกาย ใจยอมรับในกฎของกรรม มันย่อมตามมาให้ผลในสิ่งที่ได้เคยทำมา ทั้งบุญทั้งบาป แม้แต่กรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ตามมาให้ผล มันตรงไปตรงมาในของ ๆ มันเองจริง
วันนี้เห็นอย่างนี้ เมื่อก่อนไม่มีเลยน้อ เจ็บตัวไม่พอ ข้างในใจทุกข์ในสิ่งนี้อีก ความโง่ ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าท่านจริง วันนี้เห็นความจริง ยอมรับ มันแค่เจ็บทางกาย แต่ในใจ สงบสุขใจของใจเราจริง เรารอดแล้วจากจิตยึดถือในมัน เราสุขใจแล้ว มั่นคงจริงในความดีในใจพระท่านจริง เราเห็นสิ่งนี้สำคัญจริงของการมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่ยอมรับในกฎของกรรมจริง จะหาความสงบสุขใจในภายในของใจจริงไม่ได้ ก็หลงยึดเศร้าหมองไปกับมัน หาประโยชน์อะไรในสิ่งนี้ไม่ได้ ในเมื่อยังไง ๆ มันก็ต้องเป็นของ ๆ มันอย่างนี้ตามปกตืธรรมดาในกฎของกรรม จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ มันก็เป็นของ ๆ มันตามปกติในของ ๆ มัน
แต่ผลของใจมันต่างกัน ใจไม่ยอมในสิ่งที่เกิดขึ้นก็มีแต่ความทุกข์ เร่าร้อน เศร้าหมองของใจตน แต่ใจยอมรับจริงกลับสงบนิ่ง และใจกลับสงบสุขใจจริง จริงในส่วนจริงของใจ ใจกลับถึงจริง จริงในความดี ในใจสงบสุขใจในภายในของใจพระท่านจริง ด้วยใจเชื่อจริง ยอมจริง รักใจพระท่านจริง ใจเห็นจริง จริงในคำสอนของพระองค์ท่านจริง ผลมันมีผลต่างกันโดยสิ้นเชิงจริง
เดี๋ยวค่อยคุยต่อน้อ
คุยคือคุย ไม่ได้สอน คำนี้ชัดน้อ
ทำไมไม่ใช้สอน ด้วยคำสอนของพระองค์ท่านทรงพระเมตตาสอนสมบูรณ์แจ้งจริงทุกอย่างแล้ว คำสอนที่หลวงพ่อท่านสอน สอนไว้ดีหมดแล้ว ทุกอย่างกระจ่างแจ้งชัดอยู่แล้ว พี่ไม่มีความดีจะก้าวล่วงในสิ่งนี้ของท่าน แม้แต่คิดก็ไม่มี เราแจ้งใจชัดในความดีของใจหลวงพี่ท่าน จึงไม่ก้าวคิดในสิ่งนี้ทั้งชีวิตของพี่ที่คิดจะสอนใคร
ถ้าสอนตัวเอง...เอา
สอนคนอื่น...ไม่เอา
แต่ถ้าคุยเพื่อใจ ใจสบาย ๆ ใจกันในระหว่างพี่น้องเพื่อนกันคุยกันเอา ก็คุยกันน้อ ยามเช้า ว่ากันไปมีอะไร ท่านให้คุยอะไรก็ตามท่าน คนอ่านก็อ่านเพลิน ๆ ใจไป อย่างนี้ดี สบายใจดีน้อ
ก็คุยต่อ ตื่นมามีคำนี้มา "ยอมรับในกฏของกรรม"
เลยมองตัวเอง เราผ่านอะไรมาก็มาก ช้ำมาเยอะในชีวิต เจ็บมาเยอะ เรียนรู้ในสิ่งเหล่า ๆ นี้มา ก็เห็นหลาย ๆ เรื่องหลาย ๆ อย่าง ทั้งที่เกิดกับตัวเองและพบเห็นในสิ่งที่เกิดกับคนอื่น
น้อ..เราเกิดแล้ว เราโง่เกิดมาเอง กรรมเราก็ทำมาเอง ผลมันตามมาให้ผล ทำไง? นั่นแหละ เราต้องดูตัวเรา ดูใจในภายในของใจเราเองจริง เราจะอยู่ยังไง จึงรอดจากจิตเป็นทุกข์ในสิ่งเหล่า ๆ นี้ได้
อันนี้ควรกลับมาดู
ดูกรรมก็เท่านั้น มันไงก็ต้องมี ตราบใดยังไม่ตาย ตราบใดยังอยู่กับขันธ์ ๕ ร่างกาย มันย่อมมีของ ๆ มันเป็นธรรมดานี้เองจริง เธอว่าไหม? ใครหนีกฏของกรรมได้เก่ง เราก็เห็น หลวงพ่อท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญานยิ่งแล้ว สมัยท่านอยู่เราก็เห็นท่านป่วยทุกวัน ทรมานกับร่างกายทุกวัน ไม่มีวันไหนเวลาใดทึ่ท่านไม่ป่วยไม่มี
สภาพอย่างนี้ตอนอยู่วัดเห็นทุกวัน
ท่านก็โดนคนด่า คนว่า คนนินทา
ท่านก็ได้ลาภ มีคนมาทำบุญ
ท่านก็เป็นหนี้ ยามเงินไม่พอจ่ายค่าของ
เราก็เห็นมาอย่างนี้
หลวงพี่ท่านจบนานแล้ว เราก็เห็นท่านป่วย เป็นปกติของท่าน ท่านทำแต่ความดี สอนธรรม แจกของ ช่วยคนทุกอย่าง เราก็เห็นท่านโดนคนมาด่า มาว่า ติ นินทา โดนขับออกจากวัด
หลายๆเรื่องก็เห็น นี่พระอรหันต์น้อ
แล้วคนธรรมดาอย่างพี่ เลว ๆ คนหนึ่งก็มีสภาวะอย่างนี้เหมือนกัน เจ็บป่วยไม่สบายเหมือนกัน ทำความดีแทบตาย ก็มีคนด่าว่าเรา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปยุ่ง ไปอะไร ทำอะไรให้ใคร อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นาน สุดท้ายมีเหตุต้องออกจากที่นั่น เนี่ยย้ายมาหลายที่แล้ว เคยเจ็บหนักถ่ายเป็นเลือด แรงไม่มี ทรมาน เจ็บจนทนไม่ไหวก็ผ่านมาแล้ว แต่ตอนนั้นแปลก ข้างในจิตมันยิ้มมีความสุข เออ..จะสบายเสียทีตายได้ก็ดี จิตยิ้มสุขใจอยู่กับใจพระท่าน
เราเคยแม้แต่ชีวิตไม่เหลืออะไรเลย เคยแม้แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่สิบบาท แต่ทุกอย่างที่ผ่านมา ในใจตอนนั้นเริ่มเข้าใจในกฏของกรรม มันเลยเบาใจ ยอมรับในสิ่งนี้ได้ เราได้เห็นอะไร ๆ หลายอย่างในชีวิตที่ผ่านมา เนี่ยครูที่ดีของเราเองจริง อย่าปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไปโดยไม่ได้อะไร ทั้งดีและไม่ดีที่ผ่านมา มันคือครูสอนใจเราจริง
พี่ก็เรียนจากสิ่งเหล่า ๆ นี้ พร้อมทั้งเรียนรู้ในคำสอนของพระท่านด้วย เราจึงเข้าใจมากขึ้น เห็นชัด ยอมจริง
ก่อนหลวงพ่อท่านจะมรณภาพ พี่อยู่ตรงนั้นพอดี ก่อนคืนวันที่ท่านจะเข้าโรงพยาบาลและมรณภาพ วันนั้นพี่ตั้งใจฟังคำสอนของท่านเป็นครั้งสุดท้ายของท่าน ทำงานไป มองท่านไป ตั้งใจฟังท่านพูด มีคำพูดอยู่คำนึง กินใจมาถึงวันนี้ ท่านพูดว่า
"พระอรหันต์ไม่มีอะไร ยอมรับในกฎของกรรม...เท่านั้นเอง"
คำ ๆ นี้ กินเข้าไปในใจ จำมาตลอดตั้งแต่ปี 35 ในคำที่พ่อสอนเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตของท่าน เสียงท่านไม่ค่อยมีแต่ท่านพยายามจะพูด แล้วท่านพูดว่า ..ให้ไปอ่านหนังสือกฎของกรรมที่ท่านทำไว้มาก ๆ แล้วจะเข้าใจในสิ่งนี้เอง.. เราเวลาประสบพบเจออะไร คำนี้จะก้องอยู่ในใจเสมอ ๆ "ยอมรับในกฏของกรรม"
ในใจของเราจึงไม่โทษใคร ว่าใครทำเรา ด่าเรา ว่าเรา นินทาเรา ติเราลับหลัง ใครยุ่งกับเรา ใครทำร้ายเรา ในใจไม่อะไรกับสิ่งนี้ ไม่ว่าชีวิตจะดำเนินไปยังไง ไปอยู่ที่ไหน อะไรมีอะไรเข้ามา เออ ..ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ในใจไม่อยากยุ่งไม่อยากแตะต้อง แต่ก็ต้องทำ ต้องไป ต้องปล่อยมันดำเนินของมันไป ตามกรรมที่มันมาให้ผล ยอมรับในมัน นี่ก็มาจากคำของหลวงพ่อท่าน "ยอมรับในกฏของกรรม"
แต่ตอนนั้นแค่ยอมรับ ช่างมัน แต่ในความรู้สึกของใจ ยังอึดอัดใจเบื่อหน่าย ได้แค่บ่นในใจว่า แม่งโว๊ยเมื่อไหร่จะตายซะที เบื่อเต็มทน บ่นอย่างนี้ในใจตลอดหลายปี
น้อ...ไม่ได้อะไรในความสุขของใจ..ในใจ มันช่างมันก็จริง ยอมรับก็จริง แต่ไม่สุขใจ จนมาเห็นชัดในความจริง...จริง แยกชัดในใจตนจริงว่าใจกับกายมันเป็นคนละส่วนจริง เราจริง ๆ คือใจ เราจริง ๆ คือความรู้สึกว่าง ๆ อิสระ เบิกบาน ในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
จึงเห็นชัดในสิ่งนี้ว่ากรรม กรรมมันมาให้ผลแค่ส่วนของร่างกาย ว่ากรรมมันมาให้ผลในส่วนของธาตุจิต แต่เราคือผู้รู้ ว่าง ๆ ตัวเราไม่มี ไม่มีตั้งแต่ต้น สงบ เย็น ว่าง อิสระ เบิกบานในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง เราคือเรา เราไม่ใช่สิ่งที่มารองรับในผลของกรรม กรรมมาให้ผลก็จริง แต่มีผลแค่ทางกาย ทางอาการธาตุขันธ์ร่างกาย หาใช่มีผลกับตัวเราจริง ๆ คือใจ..ใจในความรู้สึกว่าง ๆ ของเราไม่
เราจริง ๆ ลอยตัวอยู่เหนือบุญเหนือบาป ตามธรรมชาติจริงของใจ ใจในความจริง..จริง อยู่แล้วในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
เนี่ยมาเห็นชัดแจ้งใจ มั่นใจในสิ่งนี้จริง ตอนต้นปี 55 เห็นชัดในความรู้สึกของใจเราเองจริง ในภายในจึงรู้สึกสงบ อิสระ สบายใจ ใจในใจ ของตัวใจเราเองจริง ทั้ง ๆ ที่เรื่องของมันยังดำเนินไปตามปกติของชีวิตที่เป็นอยู่ ช่วงนั้นเงินก็ไม่ค่อยมี
ร่างกายก็แย่ ยาเคยกินไม่ได้กิน มาอยู่ที่นี่ก็มีแต่อาหารแสลงกับโรค เลือกไม่ได้ ต้องกินตามที่มีให้กิน อาศัยเขาอยู่เงินไม่ค่อยมี ย้ายมาอยู่ที่นี่ยังไม่สนิทกับใคร ใช้ชีวิตเหมือนตัวคนเดียว ช่วงนั้นร่างกายยังแย่ ยามน้อง ๆ มาทำบายศรี มันไม่ป่วยแข็งแรงดี พอเขากลับไป แม่งทันทีแรงหายไปเดินแทบไม่ไหวเจ็บตับ ก็ไม่สนใจ ชอบ..ตายก็ดี..55 เออ..แต่ในใจสบายใจแต่ขาดใจ..ใจสุขใจในใจจริง ยังขาดสิ่งนี้ของใจตนจริง มีแค่ความอิสระ สบายใจ เห็นชัดว่า มันกับเราเป็นคนละส่วนกัน
กายป่วย ใจไม่ป่วย ความคิดฟุ้งซ่าน แปรปรวน หงุดหงิด ร่างกายทรมาน เรื่องภายนอกมีมาบีบคั้น ปกติในสิ่งนี้จริง ๆ ของมัน แต่เรากลับเห็นชัด นี่คือกฏของกรรม เราเห็นชัด มันมามีผลแค่ร่างกาย แต่ไม่ถึงตัวใจ ใจว่าง ๆ สงบเย็นใจ อิสระใจ สบายใจของตัวใจเราจริง ในความรู้สึกว่างๆๆของตัวเราจริง เราในความจริง...จริง สิ่งนี้สำคัญนะ ขาดการยอมรับในกฏของกรรม จิตเราก็เร่าร้อน วุ่นวาย เศร้าหมอง เป็นทุกข์ด้วยติดยึดในมัน
หากเราไม่กลับมาเห็นความจริงว่า ใจกับกาย ใจกับกฏของกรรม มันเป็นคนละส่วนกันจริง ถ้าไม่เห็นในสิ่งนี้จริง ก็ยากจะอยู่อย่างใจ ใจสงบว่าง อิสระใจ สบายใจของใจจริง
คนในโลกนี้น่าเห็นใจ ต่างเกิดมามีแต่ทุกข์เหมือน ๆ กันหมด ต่างก็มีกรรมเป็นของ ๆ ตน ในสิ่งนี้ของตนเองจริง หนีไม่พ้นในกรรมที่ต่างคนต่างทำกันมาเอง ต้องรับในผลของกรรมที่ต่างคนต่างทำกันมา
น่าเห็นใจ ตราบใดใจของเขาไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับในกฎของกรรม ฝืนกฎของกรรม มีแต่ความอยาก มีแต่ความชอบ มีแต่ความไม่ชอบ เอาแต่คิดเห็นเองเออเอง ไม่เชื่อ ไม่ยอมรับในสิ่งนี้ตามพระท่านจริง จิตคนเหล่า ๆ นี้ย่อมมีแต่ความทรมานใจ ทุกข์ใจ เร่าร้อนในความอยาก จิตเศร้าหมองไปกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไปตามกฎของกรรมที่ตนเคยทำไว้ในสิ่งนี้เอง
คนในโลกนี้ส่วนใหญ่มีชีวิตอย่างนี้ หาความสงบใจในใจจริงไม่มี ขาดการยอมรับในกฏของกรรมนี้จริง และหาใจของใครจริง จะมีใจอยู่อย่างสงบ ว่าง อิสระใจ สบายใจในใจตนจริง อย่างใจที่ท่านเห็นความจริง จริงในตัวใจของใจจริง ใจอยู่อย่างอิสระในสิ่งนี้ของใจจริง อยู่อย่างสงบสบายใจจริงในความรู้สึกจริงจริงของตัวใจตนเองจริง ก็หายาก ไม่มีใครอยู่ในสิ่งนี้ของใจตนจริง ๆ กัน
มาวันนี้พี่พบแล้วในที่สุดจริง จริงของความจริง..จริง จริงคือใจ ใจสุขใจจริง จริงในความจริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่าน จริงในความรักของใจพระองค์จริง จริงในใจสงบสุขใจจริงในภายในของใจพระท่านจริง สิ่งนี้คือจริง จริงที่สุดจริงในความจริง..จริง เราเห็นใจในสิ่งนี้คือความจริงที่สุดจริง และมีค่าที่สุดจริง จริงของใจเราจริง ดีที่สุดจริง จริงของใจเราจริง ใจเราจึงอยู่จริงในใจพระท่านจริงด้วยใจรักใจพระจริง ใจรู้คุณจริง ใจเชื่อใจท่านจริง ใจยอมจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง ใจเลยสงบสุขใจยิ่งจริงอยู่จริง จริงในสิ่งนี้ของใจพระท่านจริง
ในภายในใจ เราจึงรู้สึกสุขใจจริง จริงในสิ่งนี้จริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง ที่สุดของใจ เราอยู่ของ ๆ เราจริงแค่นี้จริง จริงในภายในของใจเราจริง ยอมรับในกฎของกรรมจริง ใจสงบสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง
จ๊ะ..พอแล้ว ทน ๆ มันไป ทนอย่างใจเข้าใจจริง ใจยอมรับจริง ทนในสิ่งนี้จริงด้วยใจ ใจสงบสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง
จ๊ะ...ก็ลองกลับมานิ่ง ๆ ดูใจตัวเองกัน ใจของคุณจะอยู่ยังไง ในสิ่งที่ตอนนี้ ไม่มีใครหนีกรรมของแต่ละคนที่ทำกันไว้เองได้ ไม่มีใครหนีขันธ์ ๕ ที่มีแต่ทุกข์อย่างเดียวจริงนี้ได้ ไม่มีใครหนีคน หนีไปจากคน จากความวุ่นวาย จากโลกนี้ได้ คุณจำต้องอยู่กับมันน้อ เหมือนติดคุก ใครไม่รู้สึกแต่พี่รู้สึก มันเหมือนติดคุก
นิพพานเห็นชัด ใจพระองค์ท่านเห็นชัด ใจสุขใจในใจพระทุกดวงใจเห็นชัด อะไรดีที่สุดจริงเห็นชัด อะไรสุขที่สุดจริงเห็นชัด แต่แม่งเอ๊ย ติดคุกในร่างกายระยำนี้น้อ ก็อึดอัดดี แต่ทำไงได้ ก็ยอมรับ อดทนในมัน ช่างมันทำรอมันตาย อยู่เป็นชาติสุดท้ายจริง จบสิ้นกันทีกับการเกิด ใจอยู่ในความรู้สึกจริงของใจ ในภายในของใจเราจริง มั่นคงเองจริง สถิตย์ในใจพระท่านจริง ใจอยู่จริงในใจพระท่านเองจริง ด้วยใจมั่นใจจริง มั่นคงจริง รักจริง จริงใจจริง ให้ใจหมดจริงกับใจพระองค์ท่านจริง
เราจึงกล่าวว่า เราไม่เกิดแล้วในสิ่งนี้ของใจเราจริง
เราไม่เกิดจริงด้วยความดีของใจพระองค์ท่านจริง
สิ่งที่มาถึงในจุดนี้ได้จริง
ครับมาจากสิ่งเดียวจริง ใจยอมรับในกฎของกรรมจริง จึงไม่ดิ้นรน เศร้าหมองไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใจกลับมามองความจริง จริงในภายใน ในตัวใจของตัวเราจริง จนเห็นชัดจริง ใจกับกายเป็นคนละส่วนจริง กรรมให้ผลได้แค่กาย ร่างกาย อาการธาตุขันธ์ แต่ไม่มีผลในความรู้สึกจริงของใจ ใจในความจริง..จริง ใจเรากลับมาเห็นจริง ใจสุขใจในความดีในภายในของใจพระท่านจริง ใจสงบสุขใจนี้จริงดีที่สุดจริง จริงของใจเราจริง
ครับ..พี่คุยไปตามความรู้สึกของใจ ผิดพลาดยังไง ไม่ตรงในความคิดเห็นของใคร ก็ครับ น้อมกราบขอโทษด้วย
เราคุยให้เห็น ใจอยู่ยังไงจริงของใจตนจริง จึงสงบสุขใจในใจตนจริง ทั้ง ๆ ที่ยังหนีมันไม่ได้ ร่างกายบีบคั้น กรรมตามมาให้ผล หนีสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ แต่อยู่ยังไงจริงจึงสุขใจของใจจริง ตายแล้วไม่กลับมาเกิดจริง พี่ขอคุยในส่วนนี้ ว่าใจของเราอยู่ยังไงจริง จึงสุขใจจริง พ้นทุกข์จริง ไม่กลับมาเกิดจริง
คงพอเข้าใจนะครับที่คุย ขอบคุณครับ
ของละเอียด ความคิดหยั่งไปไม่ถึง ที่เขาถึง..ถึงในความจริง..จริง ถึงในความรู้สึกจริง จริงของใจ..ใจในความจริง..จริง ถึงจริงในใจพระท่านจริง จึงชัดจริงในคำสอนของพระองค์ท่านจริง เธอทุกคน ครับ.ลองวางใจเล่นๆตามดูน้อ ดีก็เอา
อยู่อย่างใจ..ใจสงบสุขใจในใจกันน้อ
หนีไม่ได้ จงยอมรับ ยอมรับจริงอย่างใจ ใจสงบสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง จ๊ะ...แล้วดีเอง โมทนาด้วยนะ
ตอนที่ท่านให้หัวข้อมา ยอมรับในกฎของกรรม ก็เข้าใจแต่จะคุยยังไงให้ทุกคนเข้าใจจริง ก็น้อ...คุยมาได้ยั่งงี้น้อ อ่านแล้วพอเข้าใจน้อ
จงอย่างอย่างใจ ใจสงบสุขใจกัน
จ๊ะตายแล้ว..นิพพานกัน
ไปอยู่ในบ้านของพ่อเรากัน
ก็ติดคุกอย่างใจ ใจสุขใจน้อ ไม่ทุรนทุรายเหมือนคนอื่นเขา
เราทุกคนคือลูกพระ
สุขใจในใจท่านกันนะ
สุขใจที่สุดจริง..จริงในใจเราจริง
ทำทุกอย่างน้อมถวายบูชาความดีของพระองค์ท่านกัน
ทำเพื่อใจพ่อ สุขใจ ชื่นใจ ในสิ่งนี้ของใจเราจริง ๆ กัน
กลับมาให้ใจของท่านทรงชุ่มชื่นใจ
เราจึงกล่าวว่า เราจะทำเพื่อพ่อของเรา ให้ใจของท่านสุขใจ ในสิ่งที่ใจของพ่อต้องการเห็น เห็นทุก ๆ ดวงใจเป็นสุข เราจะทำสิ่งนี้ให้พ่อของเราเต็มที่เท่าที่ทำได้ ด้วยใจ ใจบูชาความดีของพระองค์ท่าน พระทุกดวงใจ และใจทุกท่านผู้มีคุณทั้งหมด ด้วยใจสุขใจของใจจริง ใจเชื่อใจพระจริง ใจรักใจพระจริง ใจทำตามพระองค์ท่านจริง ให้ใจสุขใจในใจกันจริง ให้ความจริง ให้ใจรักจริง จริงใจจริง เรากลับมาให้ใจของใจพ่อเราสุขใจ ชุ่มชื่นใจ ของใจท่านกันนะครับ
ขอบคุณทุกคนจริง ที่ทำให้ใจของพระองค์ท่านชุ่มชื่นใจ ขอบคุณนะ..จากใจจริง
ค่อย ๆ ขยับจิตสนิทในความดีของใจพระท่านจริง สิ่งนี้จะนำพาใจของทุกคนพ้นทุกข์..สุขในนิพพานเองจริงนะจ๊ะ..รักทุกคน
พี่ให้ได้แค่นี้กับทุกคน ความรักจริงจากใจ พี่ไม่เอาอะไร ไม่ต้องการอะไรจากใครจริง เรากล่าวแล้วว่า เราจะทำให้ใจของใจพ่อเราสุขใจ ให้ใจพ่อเราชุ่มชื่นใจ ในสิ่งที่ใจของพ่อต้องการเห็น เห็นใจของทุกคน มีใจ ใจสุขใจในใจตนจริง พี่จะทำสิ่งนี้ให้กับพ่อของพี่ตลอดทั้งชีวิตของพี่จริง พี่มีแค่นี้ เราเข้าใจกันน้อ ขอบคุณครับ
ก็จงจำคำของหลวงพ่อท่านไว้ที่ท่านสอนเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตว่า
"พระอรหันต์ไม่มีอะไร ยอมรับในกฎของกรรม..เท่านั้นเอง"
จ๊ะ..เราหนีไม่ได้ ก็ยอมรับน้อ สบายใจดี ใจสบายใจ ใจสงบสุขใจจริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง จริงในใจเราจริง พอแล้วน้อ ตายแล้วไปนิพพานกันนะจ๊ะ ตกลงน้อ..ตามนี้
ยอมรับในกฏของกรรมจริง สงบเอง ในใจของใจเราเองจริง ใจอยู่จริงในใจพระท่านจริง ใจสงบอบอุ่นสุขใจในใจพ่อเราจริง สิ่งนี้ดีที่สุดแล้วจริงของใจจริง อยู่กับใจพ่อเรานะจ๊ะ ดีที่สุดจริง
จงอยู่อย่างใจยอมรับจริง อดทนจริงในมันจริง ใจสงบสุขใจจริงในความดีของใจพระท่านจริง ทรงปัญญาธรรมจริง จริงในความจริงของใจ ใจในความจริงจริง ใจทรงจริงในความมั่นคงจริง จริงในความดีของใจพระองค์จริง ใจ..ใจรักใจพระจริง
จ๊ะ..ใจเราสุขใจในสงบนิพพานจริงของใจพระองค์ท่านเองจริง
เราอยู่ของ ๆ เราอย่างนี้ ในภายในของใจเราจริง แล้วเธอล่ะ ไยต้องเศร้าหมองในสิ่งที่มันเป็นของ ๆ มันเพื่อประโยชน์อะไร
กลับมา..จงกลับมา อยู่ในความจริง..จริง อยู่กับใจพระท่านจริง เพื่อตัวของตัวเธอเองจริง
รักใจตัวเองมาก ๆ กันน้อ แล้วดีเอง
กรรมฐานคือใจ ใจมีที่ตั้งจริงของใจ ในใจสงบสุขใจของใจจริง จริงในความจริง จริงในใจพระท่านจริง ใจตั้งอยู่จริงกับใจพระท่านจริง ใจสงบสุขอบอุ่นใจในใจเราจริง
ใครไม่มีกรรมฐานจริงในสิ่งนี้ของใจตนจริง หาความสุขใจของใจตนจริงยาก โลกนี้เราเกิดมา มันมีแต่ผลของกรรมมาให้ผล นี่คือแดนกรรม เธอ..ใจเธอจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ของใจเธอจริง ถามใจตัวเองดู
จะอยู่อย่างจิตเศร้าหมองเหมือนจิตคนทั้งหลายในโลกนี้หรือ ที่ไม่มีจิตยอมรับในกฏของกรรม ไม่มีใจอยู่ด้วยความดีของใจพระท่านจริง เธอจะอยู่ยังไง ก็กลับมาดูตัวเธอเองจริง ๆ กัน
จาก เฟสกลุ่มมงคลธรรม