"คุณากร"
ตื่นมามีคำนี้ขึ้นมา จำไม่ได้แล้วแปลว่าอะไร คุยตามความรู้สึกก็แล้วกันน้อ..พี่มั่วเก่ง..55
คุยสบายๆ สุขในใจเรา ความจริง..จริง ก็มีจริงแค่ใจ มีแค่แสงสว่างแห่งใจ ใจสงบสุขใจของใจตัวเองจริง นอกนั้นจริงๆ ในความจริง..จริงๆ...ไม่มี ที่มีอยู่ยึดอยู่ล้วนมาจากอุปาทานของจิตสร้างมันขึ้นมาทั้งนั้น
เอาตามพี่น้อ อย่าว่ากันนะ เราคุยเพลินๆ ใจให้ใจสุขใจในใจกัน เจตนาจริงของพี่จริงๆ มีแค่นี้ ไม่ได้มุ่งหวังอะไรในการคุย
คุณากร..อมรรัตนตรัย..แสงสว่างสุขใจ..เป็นมิตรสนิท..จิตสุขจริง
ไม่มีแสงใด อบอุ่นนิ่มนวลใจ สงบสุขใจ สงบเย็นใจ สงบเบิกบานใจเท่าแสงใจของใจพระองค์ท่าน...ไม่มี
แสงสว่างจากใจของใจพ่อเรา อบอุ่นจากใจรักใจเมตตาธรรม โอบอุ้มใจทุกดวงใจจากน้ำพระทัยใจรักของใจพระองค์ท่านจริง แสงสุขใจจริงคือแสงจากใจ..ใจพระองค์ท่านจริง ใจของใจพ่อในทุกดวงใจ ใจผู้มีคุณากร คุณเอกอนันต์มีค่าที่สุดของใจในทุกดวงใจจริง
ดวงใจพระ พระคือใจ..ใจประเสริฐสุด สุดด้วยความดีจริงของใจ สุกสว่างใจ สงบเย็นใจ สงบอิสระใจ สงบเบิกบานใจ สงบจากใจรักจริง ใจจริงใจจริง ใจมีใจให้ใจในทุกดวงใจเสมอใจรักใจท่านจริง ใจพระ ใจพระพุทธเจ้า ใจพ่อยิ่งใหญ่ในน้ำพระทัยในใจรักจริง..จริงกับใจ ใจทุกดวงใจเสมอใจพระองค์ท่านจริง
คุณพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้
คุณากร..พระหัตถ์ของพระองค์ท่านทรงหยิบยื่นใจ ใจสุขใจจริงของใจพระองค์ท่านสู่ทุกๆดวงจิตจริง ด้วยใจ..ใจรักจริงของใจพระองค์ท่านจริง มีจริง..จริงกับใจทุกดวงใจจริง ทรงรักทุกดวงจิตเสมอจิตของท่านจริง ใจพระองค์ท่านสุดประเสริฐยิ่ง ยิ่งในน้ำพระทัยของใจพระองค์ท่านจริง
พี่ขอคุยอย่างใจ ในความรู้สึกของใจที่รักใจพระองค์ท่านจริง ใจพระองค์คือใจของพ่อ ท่านคือเจ้าชีวิตของใจพี่จริง ให้ชีวิตใหม่กับจิตพี่จริง ทรงพระเมตตายิ่ง ทรงพระเมตตาจิตดวงนี้จริง ให้ความจริง ให้ความรัก ให้ความจริงใจจริง ใจพ่อสุขใจยิ่ง ใจเราอยู่จริงกับใจพระองค์ท่านจริง จิตเราสงบสุขใจยิ่ง อบอุ่นจริง จิตนิ่มนวลใจสว่างสุกใส ใจสงบสุขใจในภายในของใจพระองค์ท่านจริง
ใจพ่อดีที่สุดจริง ประเสริฐสุดยิ่ง จริงของใจเราจริง
คนอื่นประสบยังไง พี่ไม่รู้ ขอเล่าเล่นๆ น้อ เอาแค่ชาตินี้ของพี่ ครั้งแรกที่พบท่านจริงๆ ตอนฝึกมโนยิทธิครั้งแรกที่ซอยสายลม ปี 2526 ได้ไปกราบหลวงพ่อท่าน ได้ไปทำบุญกับท่านเป็นครั้งแรก ได้ไปฝึกมโนมยิทธิ ก็ขึ้นไปฝึกกับเขา ก่อนฝึกหลวงพ่อท่านก็แนะนำเกี่ยวกับมโนมยิทธิ ตอนจะฝึกครูผู้ฝึกก็เข้ามาสอน บอกว่าให้ใช้ความรู้สึก สอนให้เห็นทุกข์ของการมีร่างกาย ให้ภาวนา นะมะพะธะ พอใจสบายให้หยุดภาวนา ให้จับภาพพระนึกถึงพระ เราก็ทำตาม พอครูเขาถามเห็นพระไหม ให้ใช้ความรู้สึก เราก็ใช้..ใช้อะไร..ใช้ตาเพ่งมอง..55 หลับตาแต่เพ่งมองหา โรคโง่กำเริบ 5555 ครูเขาถาม มีความรู้สึกไหม พระท่านมาเป็นยังไง เราก็เพ่งหาใหญ่ เพ่งตาดูทั้งๆ ที่หลับตาจนร่างกายมันตึง เริ่มปวดหัว นึกในใจ ถ้าทำไม่ได้ต่อไปไม่มาฝึกอีก เนี่ยโง่ไม่พอ มีทิฐิมานะอีก เอาความคิดของตนเป็นใหญ่ ถ้าทำไม่ได้จะไม่มาฝึกอีก ก็พยายามเพ่งดูก็ไม่เห็นภาพพระ ครูผู้สอนเขาบอกให้ใช้ความรู้สึกของใจ เรากลับใช้ลูกตาเพ่งหา เออน้อ55...ใช้ได้ๆ..โง่จัด55 เลยไม่ได้อะไร ร่างกายตึง เครียดจนปวดหัว ก็นึกในใจ พักก่อนดีกว่า ปล่อยใจสบายๆๆ ไม่เอาแล้ว ฝึกได้ไม่ได้ช่างมัน ไม่ได้ก็ไม่ฝึกอีก...เออน้อ55
ก็หลับ ยังไม่ลืมตา ครูนั่งสอนอยู่ขืนลืมตาเดี๋ยวโดนดุ 5555 อยู่ๆ ใจนึกถึงพระประธานที่วัดแถวบ้าน ปรากฏว่า กลับเห็นภาพพระท่านลอยมาหา เห็นชัดในใจ ใจเราสบายๆ ปล่อยแล้วเอาสบายใจ ไม่สนใจฝึกได้ไม่ได้ แต่ใจเรานึกถึงพระท่าน อยู่ๆเห็นท่านลอยมาหา
พอครูผู้ฝึกถามอีก เห็นพระไหม เลยตอบเขาว่า เห็นครับ และพระท่านลอยขึ้นไป ในใจรู้สึก ท่านให้พี่ตามท่านไป พี่เลยตามท่านไป ใจรู้สึกลอยตามท่านไปถึงพระจุฬามณี เข้าไปกราบสมเด็จท่านทรงประทับอยู่ที่พระจุฬามณี ก็เห็นแต่ไม่ชัดมาก แล้วท่านก็พาพี่ไปที่วิมานที่พระนิพพาน เป็นครั้งแรกที่พบพระนิพพาน ใจเรารู้สึกสงบสุขเย็นๆ ใจ ได้กราบพระบาทพระองค์ท่าน และอยู่ใกล้ๆ ท่านจริง
พอเลิกฝึกก็ลงมากราบหลวงพ่อ พอคลานเข้าไป ท่านมองจ้องพี่ตลอดจนพี่ประหม่า กราบท่านแค่สองครั้ง..55..เกร็ง ก็ถวายเงินทำบุญกับท่านแล้วก็กลับบ้าน เนี่ยเป็นครั้งแรกที่ฝึกมโนมยิทธิได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านจริง ได้กราบหลวงพ่อ ได้ทำบุญกับท่านเป็นครั้งแรกของชีวิตพี่จริง
อ่านสนุกๆไปน้อ ไม่รู้จะคุยอะไร ตื่นมามีคำนี้ขึ้นมา...คุณากร แปลว่าอะไร ลืมไปแล้ว เอาตามพี่แล้วกัน คุณพระท่านสุดประเสริฐยิ่ง ในใจรู้สึกแค่นี้ ชีวิตเปลี่ยนทางเดิน จากจิตหมกมุ่นทางโลกกลับเริ่มสนใจในพระศาสนา เริ่มมีใจรักพระ ได้กราบพระบาทท่าน ใจเรารู้สึกชุ่มชื่นสุขใจจริง พระองค์คือผู้เปลี่ยนทางเดินของใจพี่จริง หลวงพ่อท่านคือผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่จริงกับตัวพี่จริง
หลังจากกลับมาบ้าน กลางคืนนอนฝัน..ฝันถึงหลวงพ่อท่านมาที่บ้าน ท่านมาเทศน์สอนพี่สองต่อสองในฝัน ท่านพูดถึงพระนิพพาน ความสุขในพระนิพพาน ท่านเทศน์เรื่องนิพพานเทศน์จนใจพี่สนใจในพระนิพพาน แล้วก็ตื่น แล้วฝันยั่งงี้ตลอด 7 วัน..แปลกดี พอนอนหลับก็ฝันเจอหลวงพ่อท่านมาที่บ้าน อยู่กันสองต่อสอง แล้วท่านก็เทศน์เรื่องพระนิพพานตลอดทั้ง 7 วันที่นอนแล้วฝัน จนจิตพี่มีความพอใจในพระนิพพานอย่างเดียว ใจตั้งใจจริง รักษาศีล 5 เพื่อไปพระนิพพาน รักษาด้วยใจเคารพจริงพระคุณพระท่านจริง ใจรักพระนิพพานจริง มุ่งเอาพระนิพพานจริงในการรักษาศีล 5 ยุงกัดไม่ยอมตบ..ทนเอา55 เมื่อก่อนโดนกัด ตบแน่55
ใจรักพระนิพพานจึงเอาศีล 5 เป็นสำคัญ เราจะรักษาศีลเพื่อไปพระนิพพาน เริ่มเอาจริงนับแต่นั้นมา ทำบุญ ฟังเทศน์ สนใจอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อ ตอนนั้นยังเรียนไม่จบแต่ในใจนึกอยากบวช อยากไปพระนิพพาน จิตมันยึด อยากอยู่สงบๆ ยึดว่าถ้าบวชแล้วปฏิบัติจะได้ไปพระนิพพาน ก็เลยมุ่งอยากบวช พอจบมาแล้วไม่สนใจจะเรียนต่อ งานก็ไม่หาตั้งใจจะบวช แต่อยู่บ้านก็ช่วยคุณแม่ทำงาน
ขอแม่บวชแม่ไม่ให้บวช เป็นยั่งงี้สองปีจนหมดใจอยากบวช ตั้งใจหางานทำ ดูหนังสือพิมพ์หาที่สมัครงาน ก็ไปสมัครงานแต่ดูไม่น่าทำ ก็กลับคุยกับแม่เรื่องไปสมัครงาน ตลกดี..อยู่ๆแม่ให้ไปบวช เออน้อ สองปีอยากบวชแม่ไม่ให้ พอตั้งใจไม่บวชแล้วเป็นฆราวาสก็ไปนิพพานได้ เลิกสนใจ ไม่เอาแล้ว ตั้งใจหางานทำแม่กลับให้ไปบวช ตอนนั้นพี่ก็เฉยๆ ไม่สนใจเรื่องบวช แต่คนที่จัดการพามาวัดท่าซุงคือพี่ชาย ตอนนั้นท่านยังไม่บวช กับหลวงพี่ท่านที่ตอนนั้นพี่เข้าไปหาท่านบ่อย ท่านสอนทำสมาธิไปนั่งคุยกับท่าน พี่ชายกับหลวงพี่ท่านพามาวัด เราก็เกรงใจหลวงพี่ท่าน ท่านมีคุณกับเรา สอนเรา เลยมาวัด เสื้อผ้าไม่ได้เอามา..มาชุดเดียว..55 เราไม่ได้อยากบวชแต่มาเพราะเกรงใจท่าน
เหมือนเล่าประวัติเลยนะ..ก็อ่านเล่นๆน้อ ไม่รู้จะคุยอะไร แต่ในใจ ชีวิตมามีวันนี้ได้เพราะพระท่าน...จริงๆๆ
พอถึงวัดช่วงใกล้ๆ สี่โมงเย็นแล้ว ตอนนั้นหลวงพ่อท่านรับแขกที่ศาลานวราช เข้าไปกราบท่าน ท่านถามว่ามาทำไม ก็เรียนท่านว่า ผมจะมาขอบวชครับ ท่านพูดว่า เอ็งไม่กลัวอเวจีหรือ เนี่ย.55 โดนลองกำลังใจเลย ตอนนั้นยังไม่คิดเรื่องนรก 5555 คิดแต่เรื่องนิพพานในใจ กึนึกในใจว่า เราไม่กลัวเราจะไปพระนิพพาน พอคิดในใจแค่นี้ยังไม่ทันจะตอบท่าน ท่านพูดว่า รีบไปติดต่อ เดี๋ยวพระเจ้าหน้าที่เขาจะมาสวดมนต์ทำวัตร เลยกราบท่านแล้วไปติดต่อเรื่องบวช ติดต่อเสร็จกะว่าจะกลับบ้าน พี่ชายบอก ไม่ต้องกลับอยู่วัดเลยเดี๋ยวเอาเสื้อผ้ามาให้ เออ..ตลกดี จัดการให้เสร็จ ในใจจริงๆ เฉยๆ เรื่องบวช ที่วัดเขาต้องฝึกมโนมยิทธิให้ได้ก่อน ฝึกจนคล่องสวดขานนาคได้จึงให้บวช เราก็ไปฝึก ฝึกแบบไม่สนใจ ได้ไม่ได้ไม่สนใจ เฉยๆ เรื่องบวช แต่กลับเห็น ฝึกคล่อง ไปง่ายๆ ตามครูสอน
เออ..เนี่ย..สำคัญ ใจไม่อยาก ใจสบายๆ กลับไปได้เอง อันนี้สำคัญ คนเราตั้งใจมากเกินไป ทำด้วยความอยาก อยากดีอยากสำเร็จกลับไม่ได้อะไร ต่างกับคนหมดอยากในเรื่องนี้ทำแบบไม่สนใจได้หรือไม่ได้ แต่ทำด้วยใจสบายใจ อาสิ่งนี้ของใจ..พอแล้ว กลับได้เอง กลับคล่องตัว ไปง่ายๆ
ใจพี่เริ่มผูกพันกับพระองค์ท่านมากขึ้น เอาใจไปหาพระองค์ท่านที่พระนิพพานที่วิมานของท่านตลอด ตลอดเวลาที่จับสมาธิทำแบบมโนมยิทธิ ใช้ความรู้สึกของใจ ทำอยู่ในใจตั้งแต่นั้นมา จับจนจิตมันชินของๆมันเอง จะทำอะไร จะกินจะพูดจะคุยอะไร ทำงานอะไร ในใจก็เอาใจไปอยู่กับพระองค์ท่านที่วิมานของท่านที่พระนิพพาน ไปด้วยความรู้สึกของใจ มโนมยิทธิมีประโยชน์ตรงนี้ ใจเราถึงใจพระองค์ท่านจริง ไปสัมผัสใจพระองค์จริง จริงในพระนิพพานจริง จริงด้วยความรู้สึกของใจเราจริง ได้รู้สึกใกล้ชิดจริง ได้กราบพระบาทของพระองค์ท่านจริง เวลาสงสัยอะไร ก็เอาใจทูลถามพระองค์ท่าน จิตเลยชินกับสิ่งนี้นับแต่นั้นมา
แต่ก็โง่ ไม่ใช่โง่ธรรมดา..โคตรโง่เลย แทนที่เวลาปฏิบัติ แทนที่จะไปเรียนกรรมฐานกับพระองค์ท่านตรงๆ...ไม่เอา กลับอ่าน ฟังเทป แล้วคิดทึกทักเองเออเองว่าต้องทำยั่งงั้นยั่งงี้ เออน้อ..โง่ไม่พอ อวดฉลาด ยึดว่าที่คิดถูกต้องแล้ว ก็น้อ..ตอนหลังพอบวช ที่นี้ไม่ได้แค่อยากไปพระนิพพานอย่างเดียว จิตกลับมุ่งอยากเป็นพระอรหันต์ อยากทรงปฏิสัมภิทาญาณ อยากมีอภิญญา เหาะได้หายตัวได้ แม่งเริ่มอยากเยอะขึ้น 5555 ก่อนบวชตั้งใจแค่นิพพาน พอบวชแล้วน้ออยากไปหมด อยากจบเพราะกลัวนรก เป็นพระน่ากลัว พระวินัยเยอะ โอกาสพลาดลงนรกมีเยอะ เลยตั้งใจเอาให้จบ จบกิจเป็นพระอรหันต์ ที่อยากได้อภิญญา เหาะได้หายตัวได้ มันก็มาจากนิสัยของพี่ อยากอยู่สงบๆ อิสระคนเดียวจริง อยากเข้าป่าไปอยู่คนเดียวในป่า เนี่ยความฝันสมัยตอนบวช
ในห้องพี่ตอนนั้นไม่มีอะไรเลย เสื่อผืนหมอนใบจริงๆ แล้วเตรียมกลดไว้ คิดไว้ ถ้าจบกิจจะหายตัวเข้าป่าเลย..55 เออ..อุปาทานจิตน่ากลัว ความอยากของจิตน่ากลัว แทนที่จะทำกรรมฐานเพื่อใจสงบสุขใจจริง ใจถึงจริงในพระนิพพานจริง ใจถึงจริงในความดีของใจพระท่านจริง กลับทำด้วยความอยากดี อยากเป็นพระอรหันต์ อยากเหาะได้ อยากเข้าป่าใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เนี่ยอยากยั่งงี้ในการทำพระกรรมฐานช่วงนั้น
แต่ก็น้อ จิตทำด้วยความอยาก เลยกลับทำกรรมฐานแบบเคร่งๆ เลยเครียดๆ ตึงๆ หาใจสุขใจในใจจริง..ไม่มี มีก็ตอนพักใจ ขอเอาใจไปอยู่กับพระท่านที่พระนิพพาน พอเอาใจไปอยู่กับท่าน จิตเรากลับสงบเย็นเป็นสุข ใจอิสระ..ว่าง..สบายใจ. ามเอาใจอยู่กับใจท่านจริง เนี่ยโง่55 ยั่งงี้ไม่เอา ใจสงบใจจริงในสิ่งนี้ของใจตัวเอง.ไม่เอา ตอนนั้นเสือกเอาความอยากถึง อยากดี อยากสำเร็จ เลยทำแบบเคร่งตึงเกินไป นี่คือโทษของความอยากของจิต ที่ตอนนั้นเรามองไม่เห็นโทษในสิ่งนี้ของจิตตน แต่เวลาจิตพี่เครียดมากๆ ก็จะมีจุดหนึ่งของใจที่พอทำให้ใจเป็นสุข จำความรู้สึกตอนบวชใหม่ๆได้ บวชได้ไม่กี่วัน นอนพักอยู่ในห้อง นอนภาวนาเรื่อยๆ ตอนนั้นยังสบายๆ อยู่ๆ หัวนอนที่พี่นอน มีแสงสว่างจ้าเย็นๆ ชัดมาก สว่างตรงหัวพี่ พอมองขึ้นไป เห็นพระพุทธเจ้าทรงเสด็จมา ลืมตาไม่ได้หลับตา ท่านเสด็จมา ผิวท่านขาวอมเหลืองสวยมากๆ รูปร่างท่านสมส่วนสวยงามมากๆ ท่านเสด็จมายืนตรงหัวนอนพี่
ใจพี่ดีใจมากๆ ได้พบองค์ท่านจริง เต็มๆ ด้วยตาเปล่า ใจมีความสุขมากๆ ปืติมากๆ ในใจ ท่านตรัสสอนพี่ เสียงของท่านไพเราะนิ่มนวลอบอุ่นใจจริง แต่ใจพี่ฟังท่านไม่รู้เรื่องว่าท่านทรงสอนอะไรเรา มัวแต่ปีติดีใจที่ได้เห็นท่านองค์จริงชัดมาก แสงสว่างออกจากพระกายท่านสว่างเย็นๆใจ สัมผัสได้ถึงใจสงบเย็นใจของใจพระองค์ท่านจริง ดีใจจนน้ำตาไหล ชื่นใจในพระเมตตาของพระองค์ท่าน ทรงประทานความรักความเมตตากับเราจริง เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่พบพระองค์ท่านยั่งงี้ ใจรู้สึกสุขใจจริงๆๆ แต่น้อ กรรมมาบังใจ แทนที่ใจเราจะตั้งใจฟังธรรมจากใจพระองค์ท่าน เราเอาแต่ดีใจสุขใจที่พระองค์ท่านทรงเสด็จมา
จริงอย่างหลวงพ่อท่านบอก มีปีติมากเกินไป..ฟังธรรมไม่มีผล จริงของท่าน..จริงๆ แต่การมาของท่านในครั้งนั้น กลับเป็นกำลังใจที่สำคัญจริงของใจพี่จริง พี่รู้สึก ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง ประสบพบเจออะไร มีปัญหาอะไรมากมายแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่มั่นใจ เราเชื่อใจพระองค์ท่านจริง ว่าพ่อไม่ทอดทิ้งเราแน่นอน
เนี่ย..พี่ได้สื่งนี้จากพระเมตตาของใจพระองค์ท่านจริง ท่านเป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุดจริง จริงของใจพี่จริง ไม่ว่ายามใดที่เรามีปัญหาแก้ไม่ตก ปัญหาทางธรรม สงสัยอะไรขึ้นมา ก็จะได้รับพระเมตตาจากพระองค์ทุกครั้ง ได้รับคำตอบจากใจพระองค์ท่านจริง แม้ยามเจ็บป่วยมากๆ สุดท้ายร่างกายกลับดีขึ้นเอง ยามที่พระองค์ทรงพระเมตตา กลับอัศจรรย์ร่างกายกลับดีขึ้นเอง ชีวิตที่ผ่านมา พี่ไม่เคยได้ทำอะไรตามความคิดตามความชอบตามความอยากสักอย่างได้เลย ท่านคอยคุม คอยดูแล ทำยั่งงี้น่ะลูก ทุกอย่างล้วนมาจากพระองค์ท่านทั้งสิ้น
ตอนจะสึก หลวงพ่อมรณภาพแล้ว มาปีหนึ่งตื่นมากลางดึก ลืมตามาเห็นหลวงพ่อลอยกลางห้องท่านพูดว่า หมดหน้าที่แล้ว..สึกออกไปได้ ท่านพูดแค่นี้แล้วท่านก็หายไป หลังจากนั้นมีเทวดาองค์หนึ่ง หลายปีก่อนท่านเคยมาหา มาในชุดสมัยรัชกาลที่5 ท่านบอกสมัยร.๕ ท่านเป็นพระยา และพี่เป็นลูก และมาเป็นลูกเขยท่าน ท่านเป็นพ่อตาพี่ รักพี่มาก ตายแล้วท่านไปเป็นเทวดา ก่อนพี่ลงมาเกิด สัญญากับท่านไว้ว่าจะลงมาช่วยงานหลวงพ่อ เมื่อถึงเวลาออกไปทำงานภายนอกในเรื่องของพระท่าน ให้มาบอกให้สึก
อันนี้ท่านเล่าให้ฟัง ตอนมาทวงสัญญาว่าสึกออกไปได้แล้ว พี่ฟังท่านแล้ว ในใจคิดว่า เรื่องอะไร อยู่เป็นพระสงบดี ตอนนั้นในใจอยู่ได้แล้ว พอมีฐานของใจพออยู่สบายๆใจได้ นึกในใจว่า เรื่องอะไรออกไปให้โง่ เจ็บตัวเปล่า..น้อ55 เห็นชัด เราไม่ได้อยากได้อะไร มาเอาอะไรในชีวิตของฆราวาส ไม่เห็นอะไรดีเป็นสุขสักอย่างเดียว แม่งมีแต่เรื่องยุ่งวุ่นวาย วุ่นวายกับการทำมาหากิน วุ่นวายกับอารมณ์คนในความอยากของคน มองดูแล้ว โอ้น้อ..เราไม่เอา
ก็สู้กับท่านมาถึง 3 เดือน ยามใดไม่ยอมจะมีควาามรู้สึกปวดหัวทันที รู้สึกเหมือนมีมือมาบีบขมับ เป็นยั่งงี้ทั้งวัน พอในใจบอกว่า..ยอมแล้ว หายปวดทันที เราก็ไม่เชื่อว่าท่านคุม พอหายปวดเอาใหม่ นึกในใจเรื่องอะไรยอม พอไม่ยอมปวดหัวทันทีโดนบีบขมับทันที เป็นยั่งงี้นับเป็นร้อยๆครั้งต่อวัน ดื้อน้อ55 ยอมง่ายๆก็ไม่ใช่พี่ เนี่ยสู้กับเทวดา โง่น้อ..สู้ไปก็แพ้..แต่ก็สู้ ท่านคุมแม้แต่เรื่องทำกรรมฐาน ท่านบอกว่าให้ทำได้แค่ใจพอสบายๆ อย่ามุ่งทำตัดอะไร พี่ก็น้อ ท่านบอกก็ยอม พอท่านไป นึกในใจเรื่องอะไรนี่มันสิทธิ์ของเรา พี่ทำสมาธิตั้งใจเอาจริงก็จะไม่สึก พอทำๆไปรู้สึกมันตันทำต่อไม่ได้ เลยล้มตัวนอน นอนหลับไปไม่นานลืมตามาเห็นเสือตัวใหญ่มาก มายืนตรงปลายเท้าพี่ ยืนให้เห็นชัดๆ แบบลืมตาจะๆ เสือตัวใหญ่มาก เทวดาแปลงร่าง55 จัดเต็มเลย ยังไม่ทันตั้งตัว เสือกระโดดมาหาพี่ อ้าปากเห็นเขี้ยวชัดมาก กัดเข้าที่คอพี่ เขี้ยวฝังเข้าไปมาคอ เจ็บ..เจ็บลึกๆ แต่ไม่มาก แล้วเสือก็หายไป นึกในใจท่านเล่นเราแรง แต่เอาเถอะช่างมัน...เรื่องอะไรยอม55 ก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิ เอาสิ..ห้ามเราได้ก็เอา ไม่กลัว แต่พอทำๆ ไป รู้สึกตันเหมือนเดิมเหมือนมีอะไรมาบังใจ มันไม่เบาโปร่งมันรู้สึกตันๆ เลยล้มตัวนอน ก็นอนหลับไปสักพัก พอลืมตามาท่านมายืนข้างๆหัวนอนพี่ ยังไม่ทันตั้งตัว ท่านเอานิ้วจิ้มเข้าไปในเบ้าตาพี่ คราวเจ็บมากๆ แล้วท่านพูดว่า สัญญากันแล้ว..อย่าคิดทำอีก เนี่ยโดนยั่งงี้ คนอื่นเขาไม่รู้ ห้ามไม่ให้สึก สึกไปทำไม เขาจะรู้ไหม เราก็ไม่ได้อยากสึก แต่เนี่ยโดนทุกว้น วันไหนไม่โดนท่านเล่นงาน..ไม่มี
ถ้าใจวางใจยอม อยู่ได้ พอตั้งใจไม่ยอม โดนทันที แต่มายอมจริงๆ ไม่ใช่เรื่องนี้ พระท่านมา ท่านมาบอกว่า ลูกอธิษฐานมาเอง ตั้งใจมาเอง มาบวชช่วยงานหลวงพ่อตอนท่านมีชีวิตอยู่ แล้วจะออกไปทำงานให้พ่อ ในฐานะที่ลูกเคยปรารถนาพุทธภูมิมา ถึงตอนนี้ลูกลาแล้วก็จริง แต่คนของลูกลงมาเกิดแล้ว ท่านตรัสแค่นี้
ในความรู้สึกของใจ ตอนนั้นพี่ไม่ได้ยอมเทวดา แต่ยอมพระท่าน ยอมรับในสิ่งที่เราตั้งใจมาเองในการเกิดของเรา เลยเอาใจถามท่านว่า จะให้ผมสึกวันไหน ท่านบอกว่า วันที่ 18 ก.ค. พี่ก็ไม่รู้เป็นวันอะไร..ไม่ได้ดูฤกษ์มาก่อน พอท่านเสด็จกลับ เปิดดูในฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ตรงวันนั้นพอดี วันพฤหัส 18 ก.ค เป็นวันพรหมประสิทธิ์พอดี แปลกดี ใจเริ่มยอมรับ ยอมอะไร55...กรรมของเรา ตอนนั้นยอมรับในกฎของกรรมจริง เราทำมา เราอธิษฐานมา เราตั้งใจของใจเราเอง เราสร้างกรรมมาเองจะเป็นสิ่งใดก็ตาม ในบุญหรือบาป เราทำของเราเองยากที่จะหลบเลี่ยงได้ มันต้องเป็นของๆมันยั่งงี้เอง เหมือนทางมันบังคับเรา ต้องเดินตามทางในสิ่งนี้ของกฎของกรรม พอไปบอกสึกตามท่านบอก ก็มีแต่คนว่าคนห้าม ก็เข้าใจในความรู้สึกของแต่ละคน ธรรมดาน้อ
ก็โชคดีอยู่อย่าง วันที่สึกมีพี่อยู่คนเขาทำบายศรีมาให้ บายศรีสามชั้น ก่อนสึกก็บวงสรวง พระท่านสึกให้ก็จริง แต่พี่เอาใจไปกับสึกกับพระองค์ท่านที่พระนิพพาน ขอพรจากพระองค์ท่านและตั้งจิตอธิษฐาน ลูกจะออกมาทำงานให้พระองค์ท่านอย่างเดียวจริง ทำเป็นชาติสุดท้าย ขอพระองค์ท่านทรงพระเมตตาปกป้องดูแลชีวิตของลูกนี้ด้วย
ก็สึกออกมา วันแรกโดน..โดนเขาว่าเขาด่าต่อหน้าก็มี บางคนเราเคยช่วยเขาให้ของกับเขา เราอยู่มาทำงานอย่างเดียว พอออกมา มาว่าต่อหน้าก็มี เออ..เห็นชัด..นี่แหละ..คน ก็ไม่สนใจ สนใจแค่ใจ ในความตั้งใจของใจเราจริง
แต่น้อ ช่วงนั้นใหม่ๆ พอออกมาก็ประมาท คิดว่าเราไม่ใช่พระเป็นฆราวาสแล้ว เลยปล่อยใจไม่ค่อยระมัดระวังอะไร แถมอยากทดสอบจิต จิตมันรู้สึกยังไงเมื่อเจอสิ่งต่างๆ ที่มันยั่วใจ เออน้อ..สันดานชอบพิสูจน์ อยากรู้ จิตจะมันเป็นยังไงเวลาเจอสิ่งเหล่าๆนี้ ลึกๆในใจอยากรู้ ก็ไปสร้างเรื่องบางเรื่องที่ไม่ควร ก็รู้ตัวแต่อยากดูว่า จิตมันจะเป็นยังไง
คนเขาไม่เข้าใจ เราจริงๆ ไปสร้างกรรมกับเขาเอง เลวน้อ แต่เห็นชัดในใจ จิตที่ฝึกมาในด้านของใจ ใจอยู่กับใจพระท่าน ลึกๆกลับนิ่งสงบเอง สงบใจในใจพระท่านเอง ภายนอกดูเหมือนวุ่นวาย แต่ใจในภายในกลับสงบเอง แปลกดี..ก็ลองมาเรื่อยๆ จิตมันทำไปตามความชอบความไม่ชอบของจิต เดินไปกับความปรารถนาของจิตที่ยังมีอุปาทานจิตคิดอยากทำ แต่ในใจลึกๆ ก็เฝ้ามองดูจิต ลึกๆ ใจเราก็จับอยู่กับพระท่านที่นิพพาน เลยเห็นสองส่วนในใจตัวเอง ความรู้สึกจริงของใจลึกๆ กลับนิ่งสงบเอง ว่างเองของใจเองจริง ใจยามอยู่จริงกับใจพระท่านจริง ในใจลึกๆรู้สึกสงบอบอุ่นใจสงบสุขใจของใจเราจริง แต่จิตยังวุ่นวายในสิ่งนั้นในสิ่งนี้ แต่ตอนนั้นยังไม่ชัดใจว่าสิ่งนี้ของจิต จริงๆ เป็นคนละส่วนกับตัวเราจริงๆ เราจะกว่าจะมาเห็นชัดจริงว่า เราคือผู้รู้ ว่างๆ..สงบเย็น..อิสระ..เบิกบานในความรู้สึกว่างๆ ลึกๆ ในภายในของใจจริง สิ่งนี้คือตัวเราเองจริง..จริงในความจริง..จริง จิตเป็นธาตุ..มีสภาพจำ เป็นคนละส่วนกับเราที่คือผู้รู้ว่างๆ แต่อยู่ด้วยกัน ไปไหนไปด้วยเป็นคู่กันจริง
เห็นชัดในตอนหลังจริง กายกับเราเป็นคนละส่วนจริงอย่างสิ้นเชิงจริง มันคือมัน มันแสดงของมันไปตามสภาพของธาตุข้นธ์ร่างกาย ปกติธรรมดาในของๆมันทุกอย่างของร่างกายนี้จริง แต่มันกับเราคนละส่วนจริง
เห็นชัดตอนจิตเคลื่อนออกจากกาย เห็นจิตเป็นอณูธาตุเล็กๆเต็มไปหมด มารวมตัวอยู่ด้วยกัน
เห็นตัวเอง..ไม่มีตัวตน ว่างไม่มีขอบเขตจริง มีแต่ความรู้สึกอย่างเดียวจริง เห็นชัดในสามส่วนนี้จริง ด้วยพระเมตตาของพระองค์ท่าน
วันที่ใจของเราหมดสิ้นในความปรารถนาอะไรในอะไรจริง หมดใจอยากในสิ่งต่างๆจริง จิตมุ่งอย่างเดียวจริง ไม่เกิดดีที่สุดของตัวเราจริง มองเห็นชัด ทำมาแทบตาย ทำมาทุกๆ ชาติ จิตตั้งใจช่วยคน ปรารถนาพุทธภูมิมา แม้ในชาตินี้ก็มีแต่ทำให้คนอื่น ทำถูกใจก็เสมอตัว พอทำไม่ถูกใจเขาก็ติว่าเล่นงานเรา คนหนอคน..จริงๆๆ หาใจของใครจริง..ที่มีจริงในในจริงใจจริงๆๆ..ไม่มี หาใจของใครจริง..ที่มีใจ..ใจรักใจเราจริงๆ..ไม่มี มองย้อนกลับลงไปในทุกๆชาติที่ผ่านมาจวบจนชาตินี้ ไม่มี ในสิ่งนี้ของจิตที่ยังมีอุปาทานจิต มีความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ มีความชอบความไม่ชอบของตนเป็นใหญ่ หาจิตของใครจริงๆ..มีสิ่งนี้ในจิต..ไม่มี รักจริง..จริงใจจริง..จริงๆ..ไม่มี เห็นชัด
เราไม่หวังในการให้ เราทำให้ด้วยใจของเราจริง เพื่อให้คนเป็นสุขจริง แต่เรากลับไม่สามารถทำให้ใจของใจสักคนเดียว มีใจ..ใจสุขใจจริงของใจเขาจริง ต่อให้ทำให้แทบตายก็ช่วยใจของใครในสิ่งนี้จริงๆ ไม่ได้
เราเห็นชัด เราจึงหยุดใจตัวเองจริง ในความปรารถนาอยากช่วยนี้จริง จิตหยุดเองในสิ่งนี้ของจิตตนจริงเอง ด้วยเห็นชัดในความรู้สึกจริงของใจในใจตนจริง ไม่สามารถทำให้ใจของใจใครจริง ใจสุขใจจริง จริงๆได้จริง
เราจึงกลับมา..มาเอาในสิ่งนี้ของใจตัวเองจริง กลับมาดูใจตัวเองจริง สิ่งใดที่ใจของใจเราจริง ต้องการจริงๆจากใจในใจของใจตัวเอง...จริง
ที่เล่ามานี่ไม่มีอะไร ชีวิตเดินมากับพระท่าน จะทำอะไรมีอะไรเปลี่ยนในชีวิต ท่านจะมาบอกทุกครั้ง เข้าไปหาเขานะลูก...ไปช่วยเขา ออกเถอะลูก..ได้เวลาออก .ท่านบอก..ออกเถอะลูก ยามใดที่หาคำตอบไม่เจอ พี่นิสัยเสียอย่าง ไม่เคยคิดถามใคร ต่อให้จิตมันเครียดแค่ไหนไม่เคยถามใคร แม้แต่หลวงพี่ก็ไม่ถาม วางใจยังไงทำยังไง ก็ไม่ถาม เดินด้วยตัวเองอย่างเดียวจริง แต่พอจนแต้มจริงๆ พระท่านจะทรงมาบอกในสิ่งที่ทำให้จิตออกจากสิ่งนั้นได้ ยามที่เราสงสัยอะไร แม้กระทั้งจิตมาจากไหน ท่านก็ทรงทำให้เราเห็น ตัวเราจริงๆเป็นยังไงมาจากไหนจริง ท่านก็ทรงพาไปให้เห็นสิ่งนี้ แต่ความโง่ตอนนั้นยังมีมาก เอาความคิดเอาอารมณ์มาเป็นเราเป็นของๆเรา
จนมาปี 53 สมเด็จพ่อองค์ปฐมทรงเสด็จมา ท่านตรัสกับพี่ว่า ลูกรักของพ่อ..ใจคือความรู้สึก ท่านมาบอกแค่นี้ ก็เริ่มสนใจกลับมาดูในสิ่งนี้ของใจตนมากขึ้น เริ่มรู้สึกเวลาเราอยู่จริงกับความรู้สึกว่างๆของใจในภายใน ในลึกๆของใจจริง รู้สึกสงบอิสระเบาสบายใจเราเองจริง ใจเรารู้สึกถึงใจพระองค์ท่านจริง สุขใจ อบอุ่นใจ เย็นๆ ใจในใจเราจริง แต่จิตยังติดความปรารถนาอยากช่วยคน คนที่เราไปอยู่ด้วยเขามีปัญหาเรื่องเงิน เรื่องเงินเรื่องคน กรรมพาไป ท่านให้ไปอยู่ช่วยเขา ยามเขาเดือดเรื่องเงิน พรุ่งนี้ต้องจ่ายเป็นแสนแต่วันนี้มีไม่ถึงพันบาท..ทำไง ก็นิ่งสงบใจ มีความรู้สึกในใจพระท่านบอกพี่ โทรหาคนนี้นะลูกเขาจะช่วย เราก็ทำตามท่าน ก็ผ่านมาได้ด้วยพระเมตตาของพระองค์ท่านและความเมตตาของผู้ที่ช่วยเรา เป็นยั่งงี้หลายครั้ง จนรู้สึกแนบแน่นใจในพระทัยใจรักของใจพระองค์ท่าน ทรงไม่เคยทอดทิ้งเราจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดทั้งหมด ที่ผ่านมาทั้งหมด..จริง พี่เห็นความรักของใจพ่อที่มีให้กับใจเราจริง ทรงไม่เคยทอดทิ้งเรา..จริงๆๆ
แม้วันที่เราหมดใจเกิดจริง รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดของชีวิต ทั้งในชาตินี้และทุกๆชาติที่ผ่านมาทั้งหมด เราทำมาแทบตาย แต่สุดท้ายเรากลับไม่ได้อะไรในสิ่งเหล่าๆนี่เลย ในคำว่า..ใจ...ใจสุขจริงของใจเราเองจริงๆ เราเกิดทุกชาติเราก็ทำให้คนอื่นเสียสละทำให้ แม้เขาไม่เข้าใจ ติว่าด่าเรา คิดร้ายทำร้ายเรา เราก็ยังมีจิตคิดช่วยเขาทำแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายเรากลับเห็น เราไม่สามารถช่วยใครได้จริง ให้ใจของใครสักคนเดียวจริงทั้งหมดจริง ให้มีใจ..ใจเป็นสุขจริงของใจจริง..จริงๆ...ไม่มี ไม่มีใจของใจใครจริง รักใจที่ใจเราจริง..จริงใจจริงที่ใจของใจเราจริง มีแต่อุปาทานจิตติดเกาะยึดร่างกาย เอายึดเป็นของๆ เขา วุ่นวายไปตามความอยากของจิตแต่ละคน
พี่มองยั่งงี้ในความรู้สึกของใจในวันนั้น ต้นปี55 ในความรู้สึกว่า เราเหลือเราคนเดียวจริง ในใจไม่มีใคร ไม่มีความปรารถนาอยากทำอะไร เพื่อใคร เพื่ออะไรของใจเราจริง ใจหันกลับมาดูจริง จริงที่ใจ..ในภายในของใจเราจริง ใจเราจริงๆ ต้องการจริงอะไรของใจเราจริง ก็รู้สึกขึ้นมาจากในใจตัวเราจริงว่า อิสระใจ คือสิ่งที่เราต้องการของใจเราเองจริง ใจสบายใจที่สุดจริง มีสิ่งนี้สิ่งเดียวจริง..จริงของใจเราจริง จะกลับมาดู เราหาอะไรของเราจริง..จริงในใจของใจเราจริงมาตลอดของใจตัวเองจริง ก็รู้สึกชัดว่า เราหาความจริง..จริง ว่าสิ่งใดอะไรจริง..จริงคือความจริง..จริงๆ หาความไม่มีของใจเราจริง เรารู้สึกถ้าเราจริงๆ ไม่มี เราจะสบายใจที่สุดจริง..จริงของตัวเราเองจริงๆๆ เอาจริง จริงในสิ่งนี้ของใจตัวเองจริง แล้วกลับมาดู..ใจของใจใครจริง ที่รักใจเราจริง ที่มีใจจริง จริงใจจริงกับใจเราจริง ใจตอนนั้นรู้สึกขึ้นเอง พ่อไม่เคยทอดทิ้งเราจริง พระองค์ทรงดูแลปกป้องเรามาทุกชาติจริง แม้ในชาตินี้ทรงดูแลเรามาตลอดจริง
พ่อ..สมเด็จพ่อองค์ปฐม ทรงรักใจเราจริง ทรงจริงใจจริงกับใจเราจริง ใจรู้สึกถึงสิ่งนี้ชัดใจในใจตัวเองจริง เห็นค่าจริง..ใจพ่อรักเราจริง ใจจึงตั้งเป็นหนึ่ง นับแต่นึ้ไป ใจของเราจะไม่ไปให้ใจกับจิตดวงใดที่ไม่รักใจเราจริงอีกต่อไป ใจของเรามีค่าจริง ใจให้ใจของเรากับใจที่รักใจเราจริง..จริง ในใจตั้งใจจริง..ใจดวงนี้ของเราให้พ่อเราจริง จริงอย่างเดียวจริงของใจเราจริง พอตัดสินใจยั่งงี้ของใจเราจริง อยู่ๆ เราเห็นในความรู้สึกของใจชัดมาก สมเด็จพ่อองค์ปฐมทรงเสด็จลอยอยู่กลางห้อง มีเรากับพระองค์ท่านสองต่อสองจริง น้ำตาเราไหลด้วยความปีติใจ ใช่..ใจพ่อรักใจเราจริง มองใจท่านด้วยใจรักหมดใจเราจริง จิตนอบน้อมกราบด้วยใจรักจริง ด้วยใจรู้คุณจริงในความรัก ในความจริงใจ ในความดีของใจพระองค์ท่านจริง จิตเข้าหาใจท่านเองด้วยความรู้สึกจริงของใจ ใจรักใจพระองค์ท่านหมดใจจริง ยอมพ่อจริง เชื่อใจท่านจริง เห็นใจพระองค์ท่านทรงมีค่าที่สุดจริง..จริงของใจเราเองจริง
อยู่ๆเหมือนมีอะไรมาดันจิตพึ่ จิตเคลื่อนออกจากร่างกายนี้เอง ลอยตามพระองค์ท่านขึ้นไป ไปหยุดอยู่ที่หนึ่ง ไม่มีอะไรเลยจริง ว่างไม่มีขอบเขตจริง ว่างมหาศาลจริง ในความรู้สึกของใจพี่จริง ตัวเราไม่มี ไม่มีรูปกายจริง มีแต่ว่างๆอย่างเดียวจริง แสงสว่างเย็นๆๆใจ มีแต่ความรู้สึกจริงของใจ
ใจรู้สึกสงบ..อิสระ..เบา..สบายใจที่สุดจริงของใจเราเองจริง แล้วในใจผุดขึ้นมา นี่คือความจริง..จริง..จริงของตัวเราเองจริง ใจเลยย้อนนึกถึงคำตรัสของพระองค์ท่านที่เคยมาตรัสไว้ว่า "ใจคือความรู้สึก" ใช่..จริง..เป็นเช่นนี้..จริงๆ เรามีเรา เรามีของๆเราจริงๆ แค่นี้จริงๆ เบื่องหน้าไม่มี ถอยหลังกลับสู่ร่างกาย ทุกอย่างของร่างกาย รูปกาย เวทนาทางกาย สัญญา สังขาร วิญญาน อารมณ์ อาการทางกาย ร่างกายนี้ ร่างกายคนอื่น สิ่งของ วัตถุธาตุ และสิ่งต่างๆทั้งหมด มันคนละส่วนกับตัวเราจริง
เรามีเรา เรามีของๆเราจริง จริงในความจริงแค่นี้จริง ความรู้สึกว่างๆ สงบ..อิสระ..เบิกบาน สิ่งนี้คือตัวเราจริง จริงของใจเราเองจริง พอใจเห็นชัด มั่นใจจริงหมดสงสัยจริง พบแล้ว เราจริงๆในความจริง..จริงๆ เป็นเช่นไรจริง อยู่ๆ ลอยกลับเข้าร่างกายเหมือนเดิม ตอนนั้นก็ไม่อะไร แต่ในใจรู้สึกชัดในสิ่งที่เป็นเราจริง แต่อยู่ด้วยใจคอยดูความเป็นไปของร่างกาย ของความเป็นจิต ใช่..คนละส่วนกับใจ ใจว่างๆสงบเย็น..อิสระ..เบิกบานของตัวเราจริง
นับแต่นั้นก็อยู่สิ่งนี้อย่างเดียวเองจริง แต่ลึกๆยังรู้สึกขาดอะไรไปอย่าง แต่ใจไม่เคยพลาดจากนิพพานเองจริง ไม่เคยจากใจของใจพระท่าน อยู่กับท่านด้วยใจรักใจท่านจริง
มาอย่างงี้สามปีกว่า แต่เรากลับเห็นในพระเมตตาของใจพ่อเราจริง ทรงมาประทานสิ่งดีๆเป็นมงคลกับใจเราจริงมาตลอดจริง มีอยู่วัน นึกๆ ในใจว่านานแล้วไม่ได้เอาใจขึ้นไปหาท่านเลย ได้แต่รู้สึกอยู่กับท่านในความรู้สึกว่างๆของใจ
พอจะกำหนดจิตขึ้นไป ท่านเสด็จมา ตรัสกับพี่ว่า ลูกไม่ต้องไปหาพ่อแล้ว พ่อมาอยู่กับลูกแล้ว ใจของท่านลอยเข้ามาอยู่ในใจของพึ่ ใจมีใจท่านอยู่ในใจพี่เอง เรารู้สึกถึงความรักของใจพ่อเรา ทรงรักใจเราจริง ก็อยู่ยั่งงี้มา..เวลาคุยยั่งงี้ ท่านก็มาบอกหัวข้อ แล้วพี่ก็คุยไปตามความรู้สึกที่มีท่านอยู่ในใจพี่จริง
ก็ดำเนินยั่งงี้มา จิตค่อยๆขยับในใจรักของใจพระองค์จริง เราเห็นสิ่งนี้ในใจพระองค์จริง ทรงรักใจทุกดวงใจจริง เราสัมผัสใจในความรู้สึกของใจท่านได้ตลอดเวลาของใจเราจริง
ในความรักของใจพระองค์จริง เราจึงคุยในสิ่งนี้ของใจท่านทุกวัน คุยในความจริง คุยในความรักของใจพระองค์จริงกับทุกคนทุกวัน
จนมาวันหนึ่ง ทรงให้ทุกอย่างที่ใจท่านมี เราเห็นดอกบัวแก้วในใจของท่านลอยอยู่ใจเรา เราเห็นใจของพระทุกดวงใจในนิพพานลอยมาอยู่ในดอกบัวแก้วของพระองค์ท่าน ด้วยใจสุขใจจริงของใจทุกท่านจริง เราเห็นความจริงของใจ ใจในความจริง..จริง ต่างมีสิ่งนี้ที่ใจ..ใจในใจกันจริง ใจรักจริง ใจจริงใจจริง ใจสุขใจในใจกันจริง ใจให้ใจกันจริง ให้ใจพระองค์ท่านจริง..สมเด็จพ่อองค์ปฐมจริง ทุกดวงใจต่างมาจบจริงที่ใจ ใจของสมเด็จพ่อองค์ปฐม พระองค์จริงในใจของใจพระองค์ท่านจริง เราได้เห็นสิ่งนี้จริง
ทุกดวงใจเมื่อถึงใจสุขใจจริงในความดีของใจพระท่านจริง ทุกดวงใจต่างมีใจ ใจรักใจพระองค์ท่านหนึ่งเดียวกันจริง มาลอยอยู่อย่างใจ ใจสุขใจในใจพ่อเราจริง พี่กลับเห็นสิ่งนี้คือจริง..จริงที่สุดจริง..จริงของใจ..จริงๆๆ
พี่จึงกล่าวว่า
จิตสูงสุดจริงคือจิต..จิตที่อยู่จริงในใจสุขใจจริงของใจพระองค์ท่านจริง
เรารู้สึกของใจเรายั่งงี้จริง วันนี้ใจของเราจึงอยู่จริงในสิ่งนี้จริง จริงของใจเราเองจริง ใจอยู่ด้วยความดีของใจพ่อเราจริง จิตเป็นสุขที่สุดของจิตตนจริง อยู่ด้วยใจสงบสุขใจในความรู้สึกว่างๆของตัวใจเราจริง ใจอยู่จริงในใจสุขใจของใจพระองค์ท่านจริง นี่คือจริง..จริงในความจริง ที่สุดของใจ..ใจของใจเราจริง
คุณากร..แปลว่าอะไร..พี่ลืมแล้ว วันนี้ก็ขอคุยจากใจว่าคือ คุณพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้..จริงๆๆ
เราสุขเพราะพระ สุขใจด้วยความดีของใจพระองค์ท่านจริง จริงอย่างเดียวจริง จริงของใจเราเองจริง จึงพอแล้วในสิ่งนี้ของใจตนจริง มีแค่นี้เอง
ที่คุยวีนนี้..คุยตรงๆจริง พี่ไม่มีความดีอะไร..จริง รอดมาได้..ด้วยความดีของพระองค์ท่านจริง..อย่างเดียวจริง
ใครรู้สึกยังไง..คิดยังไง..ทำยังไงกัน..พี่ไม่รู้ พี่รู้แค่ใจในใจของใจพี่จริง ใจเราสุขใจของใจเราด้วยความดีของใจพระองค์ท่านจริง..ใจพระทุกดวงใจจริง ใจท่านมีค่ายิ่ง สูงสุดยิ่งของใจพี่จริง เราอยู่ด้วยความดีของใจพระท่านจริง มีแค่นี้เอง..จริงๆ
ความดีพี่ไม่มี มีจริงแค่ใจ ใจสุขใจในความดีของใจพระจริง มีแค่นี้เอง..จริงๆๆ
ตายแล้วไปไหนยังไม่รู้ ไม่อะไรในสิ่งนี้ รู้แต่ว่า..ใจเราสุขใจในความดีของใจท่านจริง ใจในใจรู้สึกมีจริง..มีใจของใจท่านจริงอยู่ในเนื่อใจเราจริง จะกำหนดจิตขึ้นไปหาท่าน..จิตมันไม่ไป
ลองมาหลายครั้ง จิตไม่เคลื่อนขึ้นไป..แปลกดี ด้วยรู้สึกมีเนื้อใจท่านอยู่จริงในใจเราจริง จิตเลยไม่ไปของจิตเอง
นี่คือใจ ใจรักของใจพระองค์จริง ทรงมีให้กับใจเราจริง เราจึงขอกล่าวว่า...คุณากร คือใจของพระองค์ท่านมีค่าที่สุด..หาประมาณมิได้จริงๆๆ
จ๊ะ..คุยมายาวมากวันนี้ หัวข้อมาสั้นนิดเดียว..คุณากร
แต่ก็น้อคุยด้วยใจ ใจเห็นค่าจริงในสิ่งนี้ของใจพระองค์ท่านจริง
เรารอดเพราะท่านจริง นี่คือจริง..จริงในความจริง..จริง ส่วนใครจะยังไงก็น้อ..ตามสบาย พี่คุยให้อ่านเพลินๆใจ..ด้วยใจจริงใจกับใจทุกคนจริง ก็กลับมาดูในสื่งนี้กัน
คุณากร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น