วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คนไม่เห็นจริง จำต้องมีกรอบในการปฏิบัติ

คนไม่รู้จริงในความจริง..จริง จำต้องเดินไปตามกรอบ กรอบของการปฏิบัติ ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เป็นของธรรมดา

คนรู้จริงในความจริง ถึงจริงในความจริง..จริง ในใจท่านอยู่จริงกับความจริง ด้วยใจตัวเดียวจริง ของตัวใจท่านจริง ด้วยใจเป็นสุขสงบจริงของตัวใจท่านจริง ด้วยใจสงบสุขใจจริงในภายในของใจพระองค์จริง ใจท่านอยู่ด้วยใจอิสระจริง ว่างจริงในความจริง..จริง สงบจริงในความจริง สุขใจจริงในความจริง จริงของตัวใจเองจริง โดยไม่ได้ปฏิบัติอะไร เป็นไปตามธรรมชาติจริงของใจในความจริง..จริง อย่างเดียวจริง

ก็ต่างกันตรงนี้ ตรงที่เห็นในสิ่งที่เห็นจริงไม่เหมือนกัน

ผู้ไม่ยังเห็นความจริง ยังยึด ยังมีอุปาทานจิต ยังติดในตัวคิดเห็น ย่อมต้องอยู่ในกรอบ ในหลัก ในสิ่งต่าง ๆ เป็นธรรมดา ไม่สามารถอยู่อย่างใจ ใจที่เห็นจริง จริงในความจริง..จริง ในความบริสุทธิ์จริงของใจ ใจในความจริง..จริง

อุปาทานจิตติดยึดว่ามี ยังไง ๆ ก็ต้องมีในสิ่งต่าง ๆ ในจิตของเขา ต้องทำ ต้องละ ต้องวาง เป็นของธรรมดาของจิตที่ยังไม่เห็นจริง จริงในความจริง..จริง จริงในความไม่มี ไม่มีคือไม่มี ดั่งผู้เห็นความจริง..จริง

จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้คนที่ยังมีอุปาทานจิตอยู่อย่างใจ..ใจของผู้เห็นจริง ที่สงบสุขใจยิ่งจริงในความจริง..จริงในความดีของใจพระท่าน อย่างเดียวของใจท่านจริง

เราเคยได้ยินหลวงพี่ท่านบอก สิ่งที่ท่านสอนทั้งหมด ตัวท่านไม่ได้ทำ ที่ท่านทำคือ จับความจริง

เมื่อก่อนพี่ไม่ชัดในสิ่งนี้
วันนี้ ใช่..จริงตามท่านจริง ๆ

พี่เคยถามท่านว่า กรรมฐานของตัวหลวงพี่จริง ๆ หลวงพี่ทำยังไง ถามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ท่านบอกว่า "จับว่าง ๆ" ท่านบอกมาแค่นี้ ตอนนั้นเราพอเข้าใจแต่ยังไม่แจ้งในใจจริง มาวันนี้ ใช่..แค่นี้จริง ๆ

ใจ..ใจในความจริง..จริง เป็นธรรมชาติว่างอย่างยิ่ง ตัวตนไม่มี มีแต่ความรู้สึก ว่างไม่มีขอบเขต สงบ..อิสระ...เบิกบานเองจริง จริงในสิ่งนี้จริงของใจ..ใจในความจริง..จริง

เราไม่มี เราว่างอย่างยิ่ง นี่คือตัวของตัวเราจริง..จริงในความจริง..จริง

เราเห็นจริง เรามั่นใจจริง เราอยู่จริง..จริงในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง ใจเราสุขใจจริง จริงในความจริง จริงในความดีในภายใน ในสิ่งนี้ของใจพระท่านจริง จริงในใจนิพพานของใจพระองค์ท่านจริง ใจอยู่จริงอย่างนี้ของใจตัวเองจริง จริงอย่างเดียวจริง ไม่มีกรอบ ไม่ยึดไม่ติดในสิ่งต่าง ๆ ด้วยใจเห็นแจ้งชัดในความจริง ไม่มีคือไม่มี ที่มีจริงในความจริง..จริง มีจริงแค่ใจ..ใจในตัวใจของตัวเราเองจริง อย่างเดียวจริง

แต่คนอื่นไม่เห็นจริงในสิ่งนี้เหมือนใจท่านจริง จิตมีอุปาทานจริง ยึดในสิ่งไม่มีว่ามี ยังเห็นจริงไม่จริงในความจริงว่าไม่มีคือไม่มี ในเมื่อเห็นจริงไม่จริง ก็ย่อมยึด ย่อมติด ย่อมมีอุปาทานจิตเป็นของธรรมดา

ผู้รู้..ท่านเข้าใจในสิ่งเหล่า ๆ นี้ของจิตคนทั้งหลาย ก็ต้องแนะนำไปตามอุปาทานของจิตของแต่ละคน ค่อย ๆ สอนให้จิตเขาขยับออกจากสิ่งที่เขาหลงยึดถือ จนกว่าในใจเขาจะเห็นแจ้งชัดจริง จริงในความจริง..จริง ด้วยตัวของตัวเขาเองจริง

ขนาดพี่คุยทุกวัน จบตรงความจริง..จริง ก็ยังหาใจของใครจริงมาอยู่จริงในสิ่งนี้จริง ๆ แทบไม่มี

เหนื่อยน้อในการแนะนำ แต่ก็เป็นธรรมดา..เข้าใจ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ คุยกันไป คุยจนกว่าจะกว่าจะเห็นแจ้งในใจเขา

เป็นยุคที่เหนื่อย

"คนสมัยนี้สัญญาทราม ปัญญาทราม" หลวงพ่อเคยบอก จริงของท่าน กำลังใจไม่เหมือนสมัยก่อน ตัวเอาจริง..จริง มีน้อย ติดสิ่งภายนอกมากเกินไป หาใจคนที่จะกลับมาเห็นจริง เอาจริง อยู่จริงในความจริง..จริง มีน้อยมาก แต่ที่มาก มากด้วยอะไร รู้มากในข้อธรรมตำราเยอะ แต่ที่ไม่มีคือใจ..ใจสงบสุขใจของใจจริง จริงในความจริง จริงตามพระท่านจริง จริงในสงบสุขใจของใจ จริงในนิพพานจริง..จริงตามพระท่านจริง

ไม่มีในใจของคนที่รู้ธรรม

มีแต่จำ มีแต่เอาธรรมมาข่มจิต แต่จิตที่ถึงจริงในธรรมจริง ในความจริง ในใจสงบสุขใจของใจจริง จริงตามพระท่านจริง..จริง มีน้อยมาก ๆ ในสมัยนี้

คุยตรง ๆ กันน้อ ใครจะว่าพี่ก็ไม่เป็นไร เป็นธรรมดาของโลก..ปกติน้อ

ทำไมวันนี้ต้องคุยอย่างนี้ ก็มีหัวข้อมาอย่างนี้ จะให้ทำยังไง...
"คนไม่เห็นจริง จำต้องมีกรอบในการปฏิบัติ
คนเห็นจริง อยู่จริงด้วยใจ ใจสงบสุขใจของใจเองจริง"
ท่านให้มาอย่างนี้ก็ต้องคุยตามท่าน

เนี่ย..เข้าไปดูในกลุ่มเฟสบุ๊ก เราก็ส่งเรื่องคุยถึงความสุขของใจที่คุย เขายังบล๊อกเราออก บางกลุ่มส่งคำสอนของหลวงพ่อเข้าไป เขาก็บล๊อกเราออก ขนาดคำสอนของพระอรหันค์เขายังไม่เอา คุยถึงความสุขใจในความดีของพระท่านเขายังไม่เอา เธอว่าไง..

นี่แหละคือโลก โลกของคนมีจิตอุปาทาน เธอว่าฉันอยากอยู่หรือ? เธอว่าฉันอยากยุ่งกับอะไรหรือ? ฉันไม่ได้อยากอยู่ ไม่ได้อยากยุ่ง ไม่ได้อยากแตะต้องอะไรทั้งหมด เราเห็นแล้วในความจริง..จริง ว่าไม่มีคือไม่มี นี่คือความจริง..จริง แต่ต้องมาอยู่ร่วมกับจิตที่ยึดเกาะในสิ่งต่าง ๆ หลงในมัน เอาสิ่งนั้นเอาสิ่งนี้ไปตามความคิดเห็น ความชอบ ความไม่ชอบของจิตแต่ละคน ในอุปาทานของจิตของแต่ละคน เธอว่า..ฉันรู้สึกยังไง?

พ่อฉันคือพระพุทธเจ้า
บ้านฉันคือพระนิพพาน
ตัวฉันคือใจ ใจคือความรู้สึก ว่าง ๆ สงบ อิสระ เบิกบานในความเป็นผู้รู้ คือตัวฉันเองจริง
ฉันเห็นจริงในความจริง ในใจฉันอยู่จริงกับใจพระองค์จริง ในใจฉันสงบจริงในสงบนิพพานจริงของใจฉันจริง ใจฉันอิสระสงบสุขจริง จริงในความดีของใจพระองค์จริง แต่ร่างกายมันยังไม่ตาย ยังอาศัยมันอยู่ อยู่กับอุปาทานของจิตคนทั้งหลาย

เออ...แล้วไง ก็ต้องว่าไปตามเขา จะให้เขาเห็นเหมือนเรา อยู่เหมือนเราคงไม่ได้ จิตเขายังเห็นจริงในความจริงยังไม่จริง มีจิตยึดเกาะในสิ่งต่าง ๆ แล้วไง ฉันยังอยู่กับสิ่งเหล่า ๆ นี้ของคน ทำไง? ก็ต้องเล่นไปตามเขา

เพียงแต่ถ้าใครมีบุญ มีวาระบุญ พระท่านให้แนะนำ ก็คุย ก็แค่นี้ทำไป

ตัวฉันทำรอความตายอย่างเดียวจริง
ตัวฉันทำด้วยใจรักใจพระองค์จริงมรักใจทุกคนจริง จริงใจจริง
ตัวฉันทำทุกอย่างด้วยใจ ใจสุขใจในใจจริง..จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง แค่นี้จริง
ในใจฉันอยู่ด้วยความจริง
ในความรู้สึกจริงของใจ
ว่างไม่มีขอบเขตของตัวใจฉันเองจริง
สงบในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
อิสระจริงในสิ่งนี้ของตัวเราเองจริง
สบายใจจริงเองจริงในสิ่งนี้ของตัวใจเราเองจริง
ใจในใจอยู่จริงด้วยใจ ใจรักใจพระองค์จริงมดวงใจพระทุกดวงใจในนิพพานจริง ด้วยความรู้สึกจริงของใจ รัก..รู้คุณจริงในความดีของใจพระท่านจริง

ในภายในใจฉัน ฉันอยู่ของๆฉันแค่นี้
แต่ภายนอกคือทางกาย ก็เป็นไปตามปกติของร่างกายของมัน ของการเกิด ของสิ่งต่าง ๆ ก็ปล่อยไปตามปกติในของ ๆ มัน ไม่ฝืน ยอมรับว่าของมันไปตามสภาพของการเกิด ของการมีร่างกาย ดำเนินไปตามบุญตามบาปของกฎของกรรม ทน ๆ มันไป แต่ในใจอยู่จริงด้วยใจ ใจสงบสุขใจของใจจริง ในความรู้สึกจริงของใจ ใจอยู่กับใจพระท่านจริง ด้วยใจรักจริงและรู้คุณจริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง

อุปาทานจิตเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ตราบใดที่จิตเขายังไม่เห็นในความจริง..จริง ย่อมอยู่กับความคิดเห็น ทิฐิมานะ มั่นในความคิดเห็นของจิตตนเป็นใหญ่ เอาความชอบความไม่ชอบของจิตตนเป็นใหญ่ เป็นอย่างนี้กันในคนที่มีอุปาทานของจิต หาใจของคนที่มีใจอยู่จริงกับความจริง กับตัวใจจริง ในความรู้สึกว่าง ๆ สงบ..เย็น..อิสระ..เบิกบานจริงไม่มี หาใจของคนที่อยู่จริง จริงในความดีในใจของใจพระองค์จริง อย่างเดียวจริงไม่มี มีน้อยมาก ๆ ที่เห็น หาใจของใครอยู่จริงในสงบนิพพานจริงในภายในของใจจริงอย่างเดียวจริงมีน้อยมาก ๆ

นี่คือสิ่งที่พี่เห็น เห็นในความเป็นธรรมดาของคนในโลกนี้ ในวัฏฏะสงสารนี้ เห็นใจในความทุกข์ของใจคนที่ยังมีอุปาทานจิต เราจึงทำได้แค่ช่วย ช่วยบอกความจริง..จริง แต่ใครเขาจะเอาหรือไม่เอา พี่ยุ่งกับใจของใครไม่ได้

พี่ก็อยู่ส่วนของพี่ก็เท่านี้
ในความจริงของใจ ในความสุขใจของใจตัวเองก็แค่นี้
ใครจะติ จะด่า จะว่า..ก็น้อ ธรรมดานี่คือโลก โลกของจิตคนมีอุปาทานจิต เขาต้องยึดในสิ่งนั้นในสิ่งนี้เป็นธรรมดา

จะไปห้ามใครได้ล่ะ ก็ต้องปล่อย ปล่อยไปตามกรรมของแต่ละคน ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ตรงไปตรงมาของกรรมเขาเอง พี่ไม่แตะต้องในสิ่งนี้ของใคร

ท่านทรงเคยตรัสกับพี่ว่า "ตายแล้ว..เขารู้เอง" จริงของท่าน ถึงเราบอกความจริง เขาไม่เห็นจริงตามความจริง..จริง จะให้เขาเชื่อใจเราย่อมเป็นไปไม่ได้

ใจพี่อยู่นิพพานกับใจพระท่านอย่างเดียวจริง จริงในความรู้สึกจริงของใจตัวเองจริง จึงไม่รู้อะไรในสิ่งต่าง ๆ ของมัน ของคน ของเรื่องราวต่าง ๆ ในโลกนี้

ใจในใจ สุขใจในความดีของใจ ใจในใจ ของใจพระท่านจริง เราอยู่ของ ๆ เราอย่างนี้ในภายในของใจเราจริง เราไม่ยึดเกาะอยู่กับสิ่งต่าง ๆ เหมือนจิตของคนที่ยังมีอุปาทานจิต

ก็ต่างกันแค่นี้

ถ้าเห็นเหมือนกันในความจริง..จริง ๆ ก็อยู่เหมือนกัน
เห็นไม่เหมือนกัน จะให้อยู่เหมือนกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ จริงไหม?

แม้แต่การฝึกมโนมยิทธิ ของคนอื่นต้องทำไปตามขั้นตอน ตัดขันธ์๕ จับภาพพระ เข้าฌาน ถึงไปได้

ของพี่ไม่มีในสิ่งนี้ ใจอยู่แล้วในนิพพานเองตลอดเวลาเอง ของใจพี่เอง
ใจอยู่ในใจพระองค์จริงด้วยใจรักใจพระองค์จริง
ใจอยู่จริง จริงในความจริง ในความรู้สึกจริงของใจจริง
เราไม่ได้ทำ เราอยู่ อยู่เป็นปกติในภายในของใจเราเองจริง
ก็ต่างกันตรงนี้เหมือนกัน เขาต้องทำ พี่ไม่ได้ทำ
ก็เห็นไม่เหมือนกันในความจริง อยู่ไม่เหมือนกัน

จิตเขายังเกาะอยู่กับร่างกาย
แต่เรา "ใจคือใจ" จริง

เขายึดตัวคิด ตัวทำ ตัวปฏิบัติ
เราใจตัวเดียว ในความรู้สึกจริงของใจ ใจอยู่ด้วยใจสงบสุขใจในความดีของใจพระองค์จริง

เวลาทำมโนมยิทธิเลยไม่เหมือนกัน

เขาต้องตัดร่างกาย ต้องจับภาพพระ ต้องวางใจตามขั้นตอนของเขา ก็เป็นธรรมดา

ของพี่ ในใจอยู่กับใจพระองค์ในนิพพานเป็นปกติของใจเองจริง เลยไม่ได้ทำอย่างที่เขาทำ และจะให้ใครมาเดินอย่างเรา คงยาก เขาก็ต้องทำไปตามของเขา ตามกรอบ ตามขั้น ตามตอน นี่คือปกติธรรมดาของจิตคนที่ยังมีอุปาทานจิตอยู่ จำเป็นต้องทำของเขา พอเข้าใจนะครับ

พี่แยกให้เห็น
คนมีอุปทานต้องทำ
ใจคนเห็นจริงไม่มีต้องทำ ใจอยู่เองในความจริง ในใจสงบสุขใจของใจจริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง

วันใดที่ใจในใจใครเห็นจริง ก็อยู่อย่างพี่เหมือนกัน

วันนี้พี่ก็ช่วยได้แค่นี้ บอกความจริง คุยในความดีของใจพระท่านจริง คุยเรื่องใจ ใจสุขใจของใจจริง ก็ช่วยได้แค่นี้

ในหลักปฏิบัติที่พี่ไม่คุย ก็มีหมดแล้ว พระท่านสอนไว้แล้ว หลวงพ่อ หลวงพี่ พระดีในประเทศไทยมี ท่านสอนไว้ดีหมดแล้ว ก็มีอยู่แล้วในสิ่งนี้ ไม่ขาด มีสมบูรณ์บริบูรณ์ในคำสอน

วันนี้คุยอะไร ก็คุยให้เห็นว่า
คนที่มีอุปาทานจิต ก็ต้องมีกรอบในการเดิน ในการทำของจิตเขา เป็นธรรมดา
แต่ใจคนเห็นจริงในความจริง..จริง มั่นใจจริง มั่นคงจริง..จริงในความจริง..จริง ในใจเขาไม่ทำ เขาอยู่อย่างใจ ใจสงบสุขใจในความจริง..จริง ในความดีของใจพระท่านจริง ในสงบนิพพานจริง จริงของใจเขาจริง จริงในความรู้สึกจริงของใจเขาจริง
ก็ต่างกันแค่นี้

เธอทุกคนก็กลับมาดูใจของเธอจริง เอาอะไรจริง ใจของเธอเห็นสิ่งใดดีที่สุดจริง สงบสุขใจจริงของใจเธอจริง จริงตามพระท่านจริง เธอจงกลับมาเอา มาอยู่จริงในสิ่งนี้ของใจเธอจริง ผลจริงย่อมมีเอง มีกับใจที่มีใจเห็นความจริง..จริง จริงตามพระท่านจริง

เราคือใจ เราคือความรู้สึก
ว่าง ๆ สงบ..อิสระ..เบิกบาน คือตัวเราเองจริง
ขันธ์๕..ร่างกายเป็นคนละส่วนกับเราจริง
พ่อเราคือใจพระพุทธเจ้า
บ้านเราคือพระนิพพาน
ตัวเราอยู่จริงในสิ่งนี้ของใจเราจริง
ใจใครอยู่จริงในสิ่งนี้จริง ในความจริง..จริง
ตายแล้วถึงเอง ถึงจริงในสิ่งที่ใจถึงของใจตนเองจริง จริงในสงบสุขใจของใจจริง จริงในความดีของใจพระองค์ท่านจริง

เราจะรอ รอใจของคนที่เห็นจริง จริงในความจริง..จริง ไปนิพพานด้วยกันในชาตินี้
เราจะคุยแต่ความจริงทุกวัน
คุยในความสุขใจของใจจริงทุกวัน
คุยจนกว่าจะตาย
คุยเพื่ออะไร? ก็แค่นี้..เพื่อให้ใจถึงสิ่งนี้ของใจกันจริง

จ๊ะ..วันนี้ก็คุยให้เห็น ที่อยู่ต่างกัน ก็มีแค่นี้
เห็นในสิ่งที่เห็นไม่เหมือนกัน
คนมีอุปาทานจิตเห็นว่า มี
ใจคนเห็นจริง เห็นจริงว่า ไม่มี
ตัวเราไม่มี ว่างไม่มีขอบเขต มีจริงแค่ความรู้สึกจริงของใจ ใจในความจริง..จริง ในความสงบเย็นว่าง อิสระ เบิกบานในตัวใจของใจตนจริง จริงในความจริง..จริง เห็นความดีของใจพระท่านจริง รักใจพระจริง ให้ใจพระจริง ยอมจริงในความดีของใจพระจริง ใจสงบสุขใจจริง จริงในความดีของใจพระท่านจริง จึงสงบสุขใจยิ่งจริงในนิพพานของใจตนเองจริง จริงตามพระทุกดวงใจในนิพพานของใจท่านจริง
ก็ต่างกันแค่นี้

คนไม่รู้จริงในความจริง..จริง จำต้องเดินไปตามกรอบ กรอบของการปฏิบัติ ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เป็นของธรรมดา

คนรู้จริงในความจริง ถึงจริงในความจริง..จริง ในใจท่านอยู่จริงกับความจริง ด้วยใจตัวเดียวจริง ของตัวใจท่านจริง ด้วยใจเป็นสุขสงบจริงของตัวใจท่านจริง ด้วยใจสงบสุขใจจริงในภายในของใจพระองค์จริง ใจท่านอยู่ด้วยใจอิสระจริง ว่างจริงในความจริง..จริง สงบจริงในความจริง สุขใจจริงในความจริง จริงของตัวใจเองจริง โดยไม่ได้ปฏิบัติอะไร เป็นไปตามธรรมชาติจริงของใจในความจริง..จริง อย่างเดียวจริง

ก็ต่างกันตรงนี้ ตรงที่เห็นในสิ่งที่เห็นจริงไม่เหมือนกัน พอเข้าใจนะครับ

พี่ยอมเหนื่อย ยอมถูกด่า ยอมถูกว่า เราจะคุยแต่ความจริง คุยแต่เรื่องจริงของใจ คุยแต่ความดีของใจพระท่านจริง คุยแต่ความสุขใจของใจจริง เราจะคุยแค่นี้

เพื่ออะไร? เราเห็นค่าของความจริง เห็นค่าของใจ ใจสุขใจของใจจริง มีค่าที่สุดจริง ใจของทุกคนมีค่ากับใจพี่จริง ความสุขใจของใจทุกคนมีค่ากับใจพระองค์จริง

เรารักกัน พี่จึงยอม..ยอมเหนื่อยก็เพื่อสิ่งนี้ ใครจะว่า จะติ จะด่าไม่สำคัญ พี่ไม่ได้คิดร้าย ทำลายความดีของใคร ไม่ได้ทำลายความดีของพระองค์ท่าน เราคุยตามท่านให้คุย คุยความจริง คุยความดีของใจท่านจริง คุยเรื่องใจ..ใจสุขใจจริง พี่คุยแค่นี้

วันนี้พอเข้าใจกันน้อ

หลักปฏิบัติจำเป็นต้องมีกับจิตของคนมีอุปาทานจิต สิ่งนี้ธรรมดา
แต่ไม่มีกับใจที่อยู่จริง จริงในความจริง จริงในความดีของใจพระจริง จริงในใจสุขใจของใจจริง ก็ต่างกันแค่นี้

พี่เข้าใจ..ในความเป็นคน ไม่อะไรกับใคร เป็นอันว่า ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้กับใจของคนที่มีใจ..ใจเชื่อใจกันจริง เอาอย่างนี้กันน้อ ตามนี้

ความจริง มีเรื่องนี้เรื่องเดียวจริง ที่จะนำพาใจตนพ้นจากทุกข์ พบสุขใจของใจจริง..จริงตามพระท่านจริง พี่บอกได้แค่นี้ กลับมาดูกันเอง

ขอบคุณนะครับที่ตามอ่านของคนบ้า ๆ คนนี้คุยทุกวัน ขอให้เข้าใจพี่อย่างเดียวพอ ว่าพี่รักทุกคน ในใจพี่จริงมีแค่นี้จริง พี่ไม่ต้องการอะไรจากใคร

คนมีอุปาทานจิตยังติดยึดว่ามี ยังไง ๆ เขาก็ต้องทำ ต้องมีกรอบ มีหลักเป็นธรรมดา จะอยู่เหมือนคนที่เห็นความจริง..จริง คงไม่ได้ ก็ปกติธรรมดาน้อ

ต้นปี 55 พระท่านบอกกับพี่ว่า
"พระอนาคามี ถึงด้วยตัวทำ อรหัตมรรคขึ้นไป ถึงด้วยใจเห็นความจริง"
เนี่ยก็ต่างกันตรงนี้เหมือนกัน

แต่ของพี่..ไม่ใช่ พี่อยู่ด้วยใจตัวเดียวจริง รักใจพระท่านจริง มีแค่นี้ของพี่

ก็ที่คุยมาอย่าเอามาเป็นตำรา เป็นอะไร พี่แค่คุยเพลิน ๆ ใจ ให้ในใจ สบาย ๆ ใจกัน มีความตั้งใจแค่นี้จริง ที่คุยทุกวัน คุยให้ใจ..ใจสุขใจกัน

งั้นจงอ่านเล่น ๆ เพลิน ๆ ใจกัน เอาตามนี้น้อ..

พี่เป็นคนธรรมดา เลว ๆ คนหนึ่ง ที่ยังอยู่กับร่างกายระยำ หาดีไม่มี มีจริงแค่ใจ..ใจรักจริง รักใจตัวเองจริง รักใจพระจริง รักใจทุกดวงใจเสมอใจตัวเองจริง มีจริง..มีแค่นี้ มีจริงแค่ใจ ใจสุขใจของใจจริง..จริงในความดีของใจพระท่านจริง พี่มีแค่นี้

ใครจะทำยังไง เอายังไง ปฏิบัติยังไง ก็ตามสบาย พี่ไม่แตะต้องในสิ่งนี้ของใคร แต่จะคุยตามพระท่านคุย ตรง ๆ ในสิ่งนี้ของใจพี่จริง

เราไม่กลัวใครด่า เราเชื่อใจพระองค์จริง เราเอาจริงแค่ใจ..ใจของใจพ่อเราจริง ก็คุยตรงๆกันน้อ ถือใจพระองค์ท่านเป็นใหญ่จริง ในใจเรา ไม่เดินไปตามอุปาทานของจิตใคร ใครว่าถูก ว่าดียังไง เราไม่ยุ่ง ชัดนะครับ

เห็นต่างกัน..ก็อยู่ไม่เหมือนกัน
เห็นเหมือนกัน..ก็อยู่เหมือนกัน

ใจพระท่านคือจริง จริงในความจริง..จริง ในใจพี่จึงอยู่แค่นี้ของใจพี่จริง อยู่ในความดีในภายในของใจพระองค์ท่านจริง มีแค่นี้..จึงนิพพานเองจริง

ก็อ่านเล่น ๆ กันน้อ แล้วลองวางใจตามดู ในใจจริง อยู่ยังไงจึงรู้สึกสุขใจจริง ก็ลองหาดู ของแต่ละคนน้อ

คนไม่รู้จริงในความจริง..จริง จำต้องเดินไปตามกรอบ กรอบของการปฏิบัติ ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เป็นของธรรมดา

คนรู้จริงในความจริง ถึงจริงในความจริง..จริง ในใจท่านอยู่จริงกับความจริง ด้วยใจตัวเดียวจริง ของตัวใจท่านจริง ด้วยใจเป็นสุขสงบจริงของตัวใจท่านจริง ด้วยใจสงบสุขใจจริงในภายในของใจพระองค์จริง ใจท่านอยู่ด้วยใจอิสระจริง ว่างจริงในความจริง..จริง สงบจริงในความจริง สุขใจจริงในความจริง จริงของตัวใจเองจริง โดยไม่ได้ปฏิบัติอะไร เป็นไปตามธรรมชาติจริงของใจในความจริง..จริง อย่างเดียวจริง

ก็ต่างกันตรงนี้ ตรงที่เห็นในสิ่งที่เห็นจริงไม่เหมือนกัน

ผู้ไม่ยังเห็นความจริง ยังยึด ยังมีอุปาทานจิต ยังติดในตัวคิดเห็น ย่อมต้องอยู่ในกรอบ ในหลัก ในสิ่งต่าง ๆ เป็นธรรมดา ไม่สามารถอยู่อย่างใจ ใจที่เห็นจริง จริงในความจริง..จริง ในความบริสุทธิ์จริงของใจ ใจในความจริง..จริง

อุปาทานจิตติดยึดว่ามี ยังไง ๆ ก็ต้องมีในสิ่งต่าง ๆ ในจิตของเขา ต้องทำ ต้องละ ต้องวาง เป็นของธรรมดาของจิตที่ยังไม่เห็นจริง จริงในความจริง..จริง จริงในความไม่มี ไม่มีคือไม่มี ดั่งผู้เห็นความจริง..จริง

จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้คนที่ยังมีอุปาทานจิตอยู่อย่างใจ..ใจของผู้เห็นจริง ที่สงบสุขใจยิ่งจริงในความจริง..จริงในความดีของใจพระท่าน อย่างเดียวของใจท่านจริง

นี่คือความเป็นธรรมดา

จาก เฟสกลุ่มมงคลธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น